จีน เป็นประเทศที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง โดยเฉพาะในเรื่องของการ ต่อยอดและแปลง "'งานวิจัยขึ้นหิ้ง" ไปสู่ "งานวิจัยขึ้นห้าง" ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง และ มีผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ จีนปล่อยให้ ประเทศตะวันตก
และ ประเทศที่ได้รับอิทธิพลด้านวิธีคิดจากประเทศตะวันตก (เช่น ประเทศไทย ที่มีผู้จบการศึกษาจากประเทศตะวันตก จำนวนมาก) "วิจัยขึ้นหิ้ง" กันเยอะๆ .. เสร็จแล้วก็นำ องค์ความรู้ที่มีอยู่ฟรี เหล่านั้น มาต่อยอด เป็นเทคโนโลยี
- จีนใช้เวลาเพียง 30 ปีในการไต่เต้าจากประเทศที่แทบไม่มีใครรู้จักในเวทีโลกทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขึ้นมาเป็นประเทศที่เป็นผู้นำแทบจะทุกๆ ด้าน
- จากการโดนดูถูกว่าเป็นประเทศแห่งการ ก็อปปี้ จีนเปลี่ยนตัวเองจาก Imitate --> Innovate และเปลี่ยนสินค้าจาก "Made in China" ไปเป็น "Created in China"
- พรรคคอมมิวนิสต์จีน เน้นย้ำว่า "นวัตกรรม" คือหัวใจหลักของการพัฒนาประเทศจีน และให้ทุกนโยบายของจีน ต้องมี นวัตกรรม เป็นหัวใจและตัวจักรหลักในการขับเคลื่อน
- ในปี 2016 ประเทศจีนมีนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านวิจัยและพัฒนา 3.87 ล้านคน
- จีนประกาศว่า ต้องการวิศวกรปัญญาประดิษฐ์ (AI Engineers) 5 ล้านคน และพร้อมเปิดรับคนเก่งๆ จากต่างประเทศทั่วโลก
- จีนตั้งเป้าจะเป็น "ประเทศแห่งนวัตกรรม" (Innovation Nation) ในปี ค.ศ. 2020 (อีก 2 ปีเองนะ) และเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลกในปี ค.ศ. 2030
- เมืองต่างๆ ของจีน ก็ตั้งเป้าหมาย และ ประกาศตัวจะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านต่างๆ เช่น เมืองกุ้ยหยาง ประกาศจะเป็นผู้นำด้านเกษตรอัจฉริยะ เมืองเสินเจิ้นประกาศจะเป็นเมืองนวัตกรรมระดับโลก
ประเทศไทยคงต้องให้ความสำคัญกับ "นวัตกรรม" ให้มากขึ้น ตัวอย่างก็มีให้เห็นว่า เพียง 3 ทศวรรษ ประเทศที่ใช้นวัตกรรมอย่างเป็นบ้าเป็นหลังในการขับเคลื่อน สามารถพาตัวเองจากอันดับท้ายๆ ขึ้นไปสู่ผู้นำของโลก !!
http://www.ecns.cn/business/2018/02-27/293818.shtml
cr. เกษตรอัจฉริยะ - Smart Farm
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman