เดอ เบียร์ หรือ De Beers เป็น บริษัทค้าขายเรื่องเพชรที่ครบวงจรทั้งการสำรวจขุดเจาะและเปิดร้านค้าปลีกขายมีสาขาไปทั่วโลกมานาน นับตั้งแต่ปี 1888 ตั้งแต่สมัยยังล่าอาณานิคมไปทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน อังกฤษ
ก่อตั้งโดย Cecil Rhodes ชาวอังกฤษปัจจุบันมี 35 สาขาทั่วโลก และทั้งเหมืองเพชรที่ บอสวาน่า นามิเบีย อาฟริกาใต้และแคนาดา เป็นต้น และเป็นต้นศตวรรษที่ 21 ที่เดอเบียร์ได้กลายเป็นผู้ผูกขาดวงการค้าเพชรของโลกอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถึงแม้ภายหลังจะมีการแข่งขันกันสูง แต่ DB ก็ยังครองส่วนแบ่งตลาดเกือบ35%
... โดยผู้ก่อตั้งนาย Cecil Rhodes นั้น ได้รับการหนุนหลังทางการเงินโดยนาย Alfred Beit ของอาฟริกาและธนาคาร N M Rothschild & Sons บริษัทของตระกูลร็อดไชลด์ในอังกฤษ และมี เจพีมอร์แกนจากอเมริกาเป็นกรรมการบริษัทด้วย จากนั้นบริษัทก็ได้บริหารจัดการให้เป็นบริษัทที่ผูกขาดในการค้าเพชรของโลกยาวมาจนถึงปี 1957
... ย้อนไปในอดีตนั้นหลังจากมีการแข่งขันสูงทำให้เพชรล้นตลาด ก็มีแผนการพยายามยกราคาเพชรให้แพงต่อไป จึงลดการผลิตให้น้อยลง ที่แท้จริงเพชรไม่ได้หายากเลย ในปี 1902 ปีที่ Cecil เสียชีวิตตอนนั้น DB ครองตลาดเพชรโลกกว่า 90%, ในปี 1932 หลังวิกฤติเศรษฐกิจโลกใหญ่ ทำให้ความต้องการเพชรในตลาดโลกน้อยลง ทำให้บริษัทชงักไปชั่วคราว
... ในปี 1939 , Harry Oppoheimer ลูกชายของอดีตประธาน Ernest Oppoheimer ได้บินไปนิวยอร์คเพื่อจะเปิดตลาดและโฆษณาในอเมริกา โดยมีแนวความคิดใหม่ว่า จะเปลี่ยนค่านิยมที่ว่าเพชรเป็นของแพง มาเป็น “เพชรเป็นของจำเป็น” ในชีวิต โดยว่าจ้างบริษัทโฆษณาชื่อดัง N.W.Ayer&Son โดยมี “การเชื่อมเพชรกับความรักและโรแมนติค” ,โดยในปี 1947 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขามุ่งไปที่การโฆษณาในเป้าหมายมุ่งที่ “การหมั้นหมาย” ของคู่บ่าวสาวในประโยคที่หวานซึ้งกินใจที่ว่า “เพชรคือความ(รัก)นิรันดร์” และเป็นจุดเปลี่ยนที่ได้ปฏิวัติว
กสนแหวนหมั่นจากเดิมเป็นแหวนธรรมดา กลายเป็นว่า แหวนหมั่นต้องเป็น “แหวนเพชร” ที่หรูหราเป็น โดยมีการโฆษณาแฝงในภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยมีการประมาณผลว่าก่อนและหลังการโฆษณาชุดใหญ่ในหลายปีผ่านไป ยอดขายเพชรเพื่อการหมั่นหมายก็พุ่งขึ้นจาก 10-20% เป็น 80% ทันที และการออกแบบจากไร้รูปแบบชัดเจนก็ละเอียดหรูหรามากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความรักที่หวานซึ้ง
... และหลังจากนั้นมีการโฆษณาทำให้แหวนหมั่นเป็นของมีค่าทางใจ ทำให้คู่บ่าวสาวไม่กล้าที่จะขายทิ้งทำให้ยอดการเก็บแหวนมีมาก ทำให้ตลาดเพชรยังคงน้อยไม่เฟ้ออยู่ต่อไป และนั่นคืการทำให้ราคาเพชรยังแพงต่อไปในตลาดโลก และในโลกของการโฆษณาชวนเชื่อถือว่า เรื่องการเอาเพชรไปผูกกับความรักโรแมนติกของหนุ่มสาวเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของวงการโฆษณาของ DB และของวงการธุรกิจเพชรจากผู้ผลิตในศตวรรษที่ 20 , ในช่วงทศวรรษที่ 1940s, 1950s นั้นพวกเขาได้ใช้ดารานางแบบที่มีชื่อเสียงในการโฆษณาโดยการให้พวกเธอสวมเพชรราคาแพงๆในผลงานของเธอเช่น มาริรีน มอนโร, จากนั้นปี 1960s ก็โหมเรื่องเพชรกับคู่รัก ที่กลายเป็นค่านิยมที่ถาวรจนถึงปัจจุบัน
... จากนั้นในปี 1991-2002 ก็มีกรณี “เพชรสีเลือด” ที่เอาเงินจากการค้าเพชรไปแทรกแซงทางการเมืองในประเทศที่มีเหมืองเพชรในประเทศที่ขัดแย้งกับอีกฝ่าย ในหลายประเทศในอาฟริกา เช่น Angola, Ivory Coast, Sierra Leone, Liberia, Guinea, Ghana และ Guinea Bissau. จนกลายมาเป็นภาพยนตร์ แค่ประเทศเซียร์รา ลีโอน ที่เดียวก็มีคนได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองแย่งเหมืองเพชรไปอย่างน้อย 50,000 คน ทั้ง ฆ่า ตัดอวัยวะ ทรมาน ข่มขืนและลักพาตัว จนเรื่องเข้าถึงสหประชาชาติในปี 1999 ทำให้ DB หยุดการว่าจ้างบริษัทย่อยไปช่วงหนึ่งเพื่อล้างภาพสกปรกของตัวเองว่าไม่เกี่ยวกับ “สงครามเพชรสีเลือด” และจากนั้น DB ก็ได้พยายามล้างภาพที่เพชรเปื้อนเลือดและสงครามของตัวเองอย่างช้าๆ ทำให้ยอดการลงทุนหายไปบางส่วน
... Sierra Leone
The civil war started in 1991 and continued until 2002, costing at least 50,000 lives and causing local people to suffer killings, mutilation, rape, torture and abduction, mainly due to the brutal warfare waged by rebel group,
... ในปี 2003 พวกเขาก็ออกแคมเปญ รณรงค์ใหม่ในรอบหลายสิบปี จากที่เคยออก “เพชรคือความรักนิรันดร์” มานาน มาใช้คำขวัญใหม่นี้ ที่ว่า “แหวนที่มือขวา” หรือ Right Hand Ring เป็นการเจาะกลุ่มตลาดผู้หญิงโสดยังไม่แต่งงาน ที่เมื่อก่อนต้องรอแหวนเพชรจากคู่หมั่นในนิ้วนางมือซ้าย พวกเธอไม่ต้องรออีกต่อไป โดยสามารถซื้อใส่เองได้ที่มือขวา
... จากนั้นในปี 2013 เนื่องจากปัจจัยสำคัญทั้งเรื่อง “เพชรสีเลือด” และการมีคู่แข่งมากขึ้น เช่นมีการค้นพบเพชรนอกทวีปอาฟริกา เช่นที่ไซบีเรียทำให้ปัจจุบัน “รัสเซีย” เป็นผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ ออสเตรเลียและแคนาดาตามมาที่อันดับ 4, 5 ตามลำดับที่ทำให้พวกเขาควบคุมหรือแทรกแซงประเทศเหล่านั้นผ่านทางการเมืองยากขึ้น ที่เหลือส่วนใหญ่อยู่ในอาฟริกา และทำให้ DB มีสัดส่วนการทางการตลาดเหลือแค่เกือบ 35% เท่านั้น ถึงกระนั้นร้านค้าปลีกย่อยของพวกเขาก็ยังทำเงินได้มากถึง 30,000 ล้านดอลล่าร์ และจะยังคงเป็นมาเฟียของวงการค้าเพชรโลกอยู่ต่อไป
... The company was founded in 1888 by British businessman Cecil Rhodes, who was financed by the South African diamond magnate Alfred Beit and the London-based N M Rothschild & Sons bank.
https://en.wikipedia.org/wiki/Blood_diamond
http://www.ehudlaniado.com/home/index.php/news/entry/world-s-top-diamond-producing-countries
Jeerachart Jongsomchai / หมี CNN
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman