“บิตคอยน์ น่าจะสร้างขึ้นโดยเอ็นเอสเอของอเมริกา”

“Zerohedge” ได้เปิดเผยเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่าง บิตคอยน์ เงินคริปโตตัวหอมในตลาดกับ NSA ( National Security Agency ) หรือ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาเชื่อว่ามีความสัมพันธ์และก่อให้เกิดเงินตัวนี้ขึ้นมาในโลกการเงิน

ในข้อมูลทางการของบิตคอยน์นั้น ผู้ก่อตั้งในชื่อว่า ซาโตชิ นากาโมโต แต่เมื่อมีการพยายามหาคนญี่ปุ่นชื่อนี้ เขาเองกลับบอกว่าไม่รู้และไม่ได้เป็นคนก่อตั้งการเงินระบบนี้ และตามมาด้วยคนที่แอบอ้างอีกมากมายว่าเป็นคนก่อตั้งจริงและใช้ชื่อญี่ปุ่นแฝง จนตอนนี้ก็ไม่สามารถระบุได้ว่า ใครคือคนที่ก่อตั้งเงินระบบนี้มาในโลกการเงิน ที่ในบริบทช่วงปี 2008 กำลังเกิดวิกฤติการเงินแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกา ที่ตอนนั้นทั่วโลกทั้งในอเมริกาและต่างชาติต่างระอากับระบบการเงินกระดาษเฟียต ผ่านและควบคุมโดยธนาคาร โดยเฉพาะอเมริกา

โดยนักวิเคราะห์บอกว่าการสร้างบิตคอยน์ขึ้นมานั้นมันเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกห้าตัว โดยนอกจากจะทำให้เกิดภาพว่าเป็นเงินสกุลสากลของโลกแล้วยังพยายามจะให้กฏหมายรับรองในอนาคต เพื่อจะให้เกิดความแพร่หลายในคนทั่วโลก และสิ่งที่ล่อลวงคนรุ่นใหม่ได้มากก็เพราะแนวคิดที่ว่าการเงินยุคก่อนนั้นไม่มีอินเตอร์เนต แต่โลกปัจจุบันอินเตอร์เนตแพร่หลาย ดังนั้นการเงินยุคใหม่จึงควรเชื่อมกับอินเตอร์เน็ต ( จนลืมมองไปว่า บิตคอยน์ ก็ไม่ต่างจากระบบเงินกระดาษที่ไม่มีอะไรค้ำเป็นเฟียสเหมือนกัน )

Zerohedge บอกว่า เอ็นเอสเอ และ ซีไอเอ นั้นทำงานให้กับริษัทขนาดใหญ่ของอเมริกามานาน เช่นเรื่องการแทรกแซงอิรัก ก็เพื่อช่วยเหลือบริษัทน้ำมัน ( รายละเอียดคือ ในปี 2001 ขับไล่ตาลิลัน อ้างว่าให้ที่พักพิงบินลาเดน แต่แท้จริงต้องการสร้างท่อแก็สน้ำมันจากทะเลสาปแคสเปียนผ่านอัฟนิสถานที่ตอนนั้นตกลงกันไม่ได้จึงต้องเอาทหารเข้ามาแบบหาข้ออ้างพระเอก ในยามที่โซเวียตรัสเซียเพิ่งแตกสลายไร้คู่แข่งเหมือนสมัยสงครามเย็น, 2002 พยายามรัฐประหารฮูโก้ชาเวช ในเวเนซุเอล่า ประเทศที่มีน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก เพราะว่านโยบายของชาเวชจะเอารัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับน้ำมันมาเป็นของรัฐและทำเองรายได้ทั้งหมดเข้ารัฐเอง ไม่ต้องผ่านให้เอกชนตะวันตกมาสัมปทาน , 2003 ล้มซัดดัมอ้างว่าเป็นเผด็จการ แท้จริงเพราะซัดดัมจะใช้เงินยูโรซื้อขายน้ำมันแทนดอลล่าร์ กลัวเงินตก หนี้ท่วมหนัก พันธบัตรขายไม่ออก )

และพวกธนาคารอาจจะรอคอยวันที่พวกเขาจะมีเงินคริปโตของตัวเองในอนาคต และจึงได้ออกการ “นำร่องบิตคอยน์” ก่อนในปี 2008 ( เพราะตอนนั้น “จีน” และบริกส์ก็ออกตัวแรงเช่นกัน โดยจะออกนโยบายพยายามจะบายพาส หลีกเลี่ยงการใช้เงินเงินดอลล่าร์ ทำให้อเมริกาและธนาคารใหญ่ๆต่างร้อน กับการหนุนการผลิตเงินค้ำด้วยทองคำ ) พวกเขาเหล่าธนาคารจึงอาจจะสร้างเงินบิตคอยน์เอาใจกระแสเบื่อดอลล่าร์ขึ้นมา
( จะสังเกตว่าเป็นอเมริกาที่พยายามออกกฎหมายรับรองบิตคอยน์ และ ญี่ปุ่นที่สามารถบอกว่าใช้ซื้อสินค้าได้และประโคมอย่างเอิกเกริก ประเทศเหล่านี้ ล้วนเป็นเครือข่ายของวอลล์สตรีทเหมือนกัน )

And probably, if it was in fact ‘suggested’ or ‘sponsored’ by a private bank, they would have been waiting in the wings to develop their own Bitcoin related systems or as in the above “Settlement Coin.” So the NSA made Bitcoin – so what?

the NSA/CIA often works for big corporate clients, just as it has become a cliche that the Iraq war was about big oil, the lesser known hand in global politics is the banking sector. In other words, Bitcoin may have very well been ‘suggested’ or ‘sponsored’ by a banker, group of banks, or financial services firm. But the NSA (as we surmise) was the company that got the job done.

“จริงๆแล้วไม่มีการปฏิวัติทางการเงินใดๆในบิตคอยน์ มันเป็นแค่การเอาเทคโนโลยีใหม่มาใช้อย่างมีเหตุผล เหมาะสม เมื่อพิจารณาถึงปัญหาในระบบการเงินเดิมๆ แค่สวยกว่าเพราะว่าเป็นระบบปิด”

So there’s really nothing revolutionary about Bitcoin, it’s just a logical use of technology in finance considering a plethora of problems faced by any central bank who creates currency. And there are some interesting caveats to Bitcoin as compared to major currencies; Bitcoin is a closed system (there are finite Bitcoin)

“ผู้ชนะคือเอ็นเอสเอ , เอ็นเอสเอ นั้นมีความสามารถที่จะทำได้ มีแรงจูงใจที่จะทำ เพราะพวกเขามีระบบที่ดี มีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก และพวกเขาเห็นความจำเป็น ที่อาจจะได้รับการแนะนำจากเพื่อนของเขาอย่าง เฟด หรือธนาคารกลางของอเมริกา โดยความร่วมมือของเพื่อนเขาอย่างครอบครัวธนาคารในเครืออิลลิมินาติ หรือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการลับอย่าง DARPA (The Defense Advanced Research Projects Agency ที่เป็นโครงการที่รับผิดชอบเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเพื่อประโยชน์ทางการทหาร จึงไม่แปลกใจที่พวกเขาของบการทหารมากขึ้นทุกปี ทั้งๆที่ประเทศเป็นหนี้มากมาย ) ... แม้มันยังไม่ชัดเจนนัก แต่ความจริงคือว่า เอ็นเอสเอ นั้นได้เป็นนายจ้างของนักคณิตศาสตร์และนักถอดรหัสที่เก่งๆมากมายไว้ในคอก ( ที่การสร้างบล็อกเชนนั้นก็ต้องการคนเก่งเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ) และงานของพวกเขานั้นก็เป็นความลับตลอดมา และมันไม่ใช่งานประเภทที่คุณจะลาออกแล้วมาเปิดบริษัทรับจ้างถอดรหัสเองได้ง่ายๆ”

THE WINNER: It was the NSA
The NSA has the capability, the motive, and the operational capacity – they have teams of cryptographers, the biggest fastest supercomputers in the world, and they see the need. Whether instructed by their friends at the Fed, in cooperation with their owners (i.e. Illuminati banking families), or as part of a DARPA project – is not clear and will never be known (unless a whistleblower comes forward). In fact, the NSA employs some of the best mathematicians and cryptographers in the world. Few know about their work because it’s a secret, and this isn’t the kind of job you leave to start your own cryptography company.

https://www.zerohedge.com/news/2017-06-12/exposed-real-creator-bitcoin-likely-nsa-one-world-currency 

https://en.wikipedia.org/wiki/DARPA 

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"