“ปากีสถานทิ้งดอลล่าร์ไปค้าขายด้วยเงินหยวนกับจีน หลังโกรธที่อเมริกาตัดงบช่วยเหลือ”

ธนาคารกลางของ “ปากีสถาน” ได้ออกมาประกาศว่าจะใช้เงินหยวนของ “จีน” ในการค้าขายแบบทวิภาคีระหว่างกัน โดยจะไม่มีการใช้เงินสกุลกลางอื่น ( เช่น ดอลล่าร์ ยูโร ปอนด์ ) มาเกี่ยวข้องด้วย โดยการประกาศนี้มีขึ้นไม่นาน

หลังจากที่ “ทรัมป์” ได้โพสท์ครั้งแรกในทวีตเตอร์ของปี 2018 ว่า “อเมริกาให้เงินช่วยเหลือแก่ปากีสถานแบบโง่ๆมานานกว่า 33,000 ล้านดอลล่าร์ในรอบ 15 ปี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการโกหกและหลอกลวง” และรัฐบาลของทรัมป์ยังยืนยันต่ออีกว่าจะระงับเงินช่วยเหลือที่จะให้ปากีสถาน 255 ล้านดอลลาร์ในงวดต่อไป เอาไว้ก่อน

The decision was announced shortly after Trump lashed out at Pakistan. He used his first tweet of 2018 to say the United States had "foolishly given Pakistan more than 33 billion dollars in aid over the last 15 years, and they have given us nothing but lies and deceit."

และหลังจากที่ได้เห็นการทวีตนั้น ก็ทำให้รัฐบาลปากีสถานควันออกหู ปรี๊ดแตก บอกว่าเป็นท่าทีที่เข้าใจยากของอเมริกาและปากีสถานผิดหวังต่อการระงับเงินช่วยเหลือนั้นอย่างมาก และก็ตามมาด้วยการประกาศออกมาไม่กี่วันว่าจะใช้แค่เงินหยวนของจีนในการค้าขายระหว่างทั้งสองประเทศแทนนับจากนี้ไป เป็นการทิ้งดอลล่าร์จากการค้าของประเทศลง ซึ่งจะหมายถึงการเก็บดอลล่าร์ในทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของคลังประเทศหรือ Reserve Currency จะลดลงตามมา

ตอนนี้ “จีน” นั้นเป็นประเทศที่ “ปากีสถาน” นำเข้าสินค้าเข้ามากเป็น 28% ของทั้งหมด และเป็นประเทศที่ปากีสถานส่งออกสินค้าไปขายมากที่สุดอันดับสามรองจากอเมริกาและอังกฤษ

การประกาศของปากีสถานในการใช้เงินหยวนสำหรับการค้าขายระหว่างสองประเทศแทนเงินฝรั่งนั้น ในมุมมองของจีนแล้วไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดีแล้ว เพราะว่าจีนจะมีการขยายโครงการ One Belt One Road หรือ “ทางสายไหมใหม่” ที่เป็นระบบรางทางบกจากจีนเชื่อมกับเอเชียกลาง เอเชียใต้ ยาวจนถึงยุโรป เพื่อกระตุ้นการค้าขาย เศรษฐกิจและสังคมวัฒนธรรมระหว่างกันด้วย และในรายละเอียดลึกลงไปนั้น สิ่งแรกและเรื่องหลักที่จีนคาดหมายที่จะได้จากการสร้างทางระบบรางเชื่อมต่อกันก็คือ “บทบาทของเงินหยวนที่มากขึ้นในการค้าโลก” และจะเป็นบันไดขั้นใหญ่ในการทำให้เงินหยวนก้าวกระโดดเป็นเงินสกุลหลักของโลกมาแข่งขันกับเงินดอลล่าร์ของอเมริกาในอนาคตอันใกล้

โดยทั้งจีนและปากีสถานนั้นมีโครงการใหญ่ร่วมกันอยู่แล้ว คือ CPEC China-Pakistan Economic Corridor (CPEC) หรือ “ทางเชื่อมระหว่างจีนกับปากีสถาน” ที่ในปี 2015 นั้นลุงสีจิ้นผิงได้ประกาศว่าจีนจะเข้าไปลงทุนในระบบสาธารณูปโภคและการคมนาคมต่างๆมากมายในปากีสถาน 46,000 ล้านดอลล่าร์ เพราะจีนมองว่าปากีสถานเป็น “ทางสายย่อยต่อขยาย” ของ ทางสายไหมใหม่ ที่จะทำให้จีนตะวันตกที่มีจุดอ่อนในการเชื่อมทางน้ำกับอาหรับและอาฟริกาที่เป็นแหล่งทรัพยากรวัตถุดิบที่สำคัญของจีนสามารถเชื่อมต่อส่งสินค้าไปมาหากันได้ง่ายและสั้นขึ้น โดยผ่านดินแดนปากีสถานทางมหาสมุทรอินเดียที่เมืองท่า Gwadar นี้เอง

โดยธนาคารกลางของปากีสถานให้เหตุผลว่าที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้เงินหยวนของจีนมาเป็นเงินในการซื้อขายระหว่างกันนั้นก็เพราะมองเห็นแล้วว่าในปัจจุบันนี้ทั้งในการค้าโลกและภูมิภาค จีนและเงินหยวนมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และการทำเช่นนี้จะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองประเทศด้วยเช่นกัน

นักเศรษฐศาสตร์ของปากีสถานนาย Bilal Khan ได้ออกมาบอกว่าการมาใช้เงินหยวนจะช่วยลดปัญหาการขาดสภาพคล่องของเงินต่างประเทศได้เป็นอย่างดี และแม้ในอดีตที่ผ่านมาเงินดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของปากีสถานในการค้าขายแลกเปลี่ยนในการค้าระหว่างประเทศ แต่ว่าต่อจากนี้ไปมันจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ทางด้าน Peter Schiff นักการเงินระดับโลก ก็ออกมาวิเคราะห์ว่าการที่ปากีสถานทำแบบนั้น จะยิ่งเป็นการตอกย้ำและเกิดกระแสกล้าทิ้งดอลล่าร์หันไปหาหยวนมากขึ้น และจะทำให้อเมริกาสูญเสียอำนาจในการใช้เงินดอลล่าร์ไปปั่นป่วนและกดดันประเทศต่างๆทั่วโลกให้เดินตามก้นนโยบายตัวเองก็จะค่อยๆลดน้อยลงเรื่อยๆ

http://money.cnn.com/2018/01/03/news/economy/pakistan-china-trump-trade-yuan-dollar/index.html 

https://schiffgold.com/key-gold-news/pakistan-dumps-dollar-trade-china/ 

https://en.wikipedia.org/wiki/China%E2%80%93Pakistan_Economic_Corridor 


เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"