จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ: ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (10 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพุธนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.27% แตะที่ 95.9906
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9272 ฟรังก์ จากระดับ 0.9185 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2680 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2633 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.21 เยน จากระดับ 115.56 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1322 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1362 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3570 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3595 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7169 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7184 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้นในสหรัฐจะกดดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
แจน ฮัตซีอุส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานของสหรัฐที่อยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ประกอบกับการที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรายงานการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะเร่งปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย. และคาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.9% ในเดือนพ.ย.
โดย รัตนา พงศ์ทวิช
Source: สำนักข่าวอินโฟเควสท์
***********
ดาวโจนส์ปิดลบ 162.79 จุด วิตกเงินเฟ้อพุ่งหนุนเฟดเร่งขึ้นดบ. : ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,068.87 จุด ลดลง 162.79 จุด หรือ -0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,670.29 จุด ลดลง 6.74 จุด หรือ -0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,942.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.93 จุด หรือ +0.05%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลง ท่ามกลางความกังวลที่ว่า อัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้นในสหรัฐจะกดดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
แจน ฮัตซีอุส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานของสหรัฐที่อยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ประกอบกับการที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรายงานการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะเร่งปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง 1.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 2.88% หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 1.14% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 1.95% หุ้น 3M ร่วงลง 1.41%
ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.99% โดยหุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ร่วงลง 3.68% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ลดลง 0.62% หุ้นนูคอร์ คอร์ปอเรชัน ดิ่งลง 2.25% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ร่วงลง 2.8%
หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 4.14% หลังจากนักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซีปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไนกี้ลงสู่ระดับ "Hold" จากระดับ "Buy" โดยระบุว่ายอดขายของไนกี้ในประเทศจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก หลังจากที่ร่วงลง 24% ในช่วงเดือนก.ย.-พ.ย. 2564 แตะที่ระดับ 1.844 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ริค เมคเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Cherry Lane Investments กล่าวว่า นักลงทุนส่วนหนึ่งได้เข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.31% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.03% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.21% หุ้น NVIDIA บวก 0.56%
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้นเนื่องจากแรงซื้อในช่วงท้ายตลาดเช่นกัน โดยหุ้นไฟเซอร์ บวก 0.93% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.58% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) บวก 0.24% หุ้นโมเดอร์นา ทะยานขึ้น 9.28%
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you