บทความนี้จะขอกล่าวถึงกรณี China Ever grande ว่าเหตุใดถึงเกิดวิกฤติสภาพคล่องในช่วงนี้ และทางการจีนน่าจะจัดการกับปัญหาในครั้งนี้อย่างไร และท้ายสุดแล้วปัญหาจะรุนแรงไปถึงขนาดไหน
เริ่มต้นจากนโยบายของทางการจีนที่จะสกัดการกู้ยืมเงินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเดือน ส.ค.2563 ที่มีชื่อว่า Three red lines อันประกอบด้วย 1.อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อสินทรัพย์ ต้องไม่เกินร้อยละ 70 2.อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อเงินทุน ต้องไม่เกิน 1 เท่า และ 3.เงินสดจะต้องมีเพียงพอไว้จ่าย หนี้สินระยะสั้น
นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทอสังหาฯ ขนาดใหญ่ของจีนกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Evergrande ได้ทำการลดหนี้สินรวมของตนเองจากราว 1.1 แสนล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้วมาอยู่ในระดับราว 9 หมื่นล้านดอลลาร์ในตอนนี้ ทว่าล่าสุด Evergrande ก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ทั้งสามข้อนี้
อย่างไรก็ดี บริษัทอสังหาฯ จีน ส่วนหนึ่ง ก็ได้ใช้เทคนิคทางการบริหารเงิน ทำการออกตราสารหนี้แบบ Off-balance sheet สกุลเงินดอลลาร์ เพื่อให้ตราสารที่ออกมา ดังกล่าวจัดชั้นเป็นตราสารทุน ซึ่งปีที่ผ่านมา จากการสำรวจของหน่วยงานการจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ พบว่ามีการทำในลักษณะนี้สูงขึ้นจากร้อยละ 14 เมื่อปีก่อน มาเป็นร้อยละ 39 ของทั้งหมดในปีนี้
นอกจากนี้ ในส่วนการซื้อที่ดินซึ่งมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ จากรัฐบาลท้องถิ่นของจีน นั้น พบว่าบริษัทอสังหาฯ จีนบางแห่งก็เข้าไปถือหุ้นกับบริษัทที่เป็นพรรคพวกของตนเองในรูปแบบของหุ้นส่วนเพื่อเข้าไปซื้อที่ดิน ดังกล่าว โดยเม็ดเงินดังกล่าวถือว่าจัดชั้นเป็น ตราสารทุนมิใช่ตราสารหนี้แต่อย่างใด
ก่อนที่จะไปตอบคำถาม Evergrande ว่าจะไปอย่างไรต่อ ต้องมาทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีนมีลักษณะเฉพาะตัวที่ออกจะแตกต่างจากประเทศอื่นอยู่ 3 ประการ ได้แก่
1.บริษัทอสังหาฯ ขนาดใหญ่ของจีน ส่วนใหญ่มีความเป็น conglomerate กล่าวคือ ประกอบธุรกิจหลายอย่างไปพร้อมกัน อาทิ Evergrande ยังทำธุรกิจน้ำดื่ม ทีมฟุตบอล และรถยนต์ ทำให้การกู้ยืม ข้ามสายธุรกิจสามารถที่จะทำได้ รวมถึงมีการ ออกตราสาร Wealth Management Product หรือหน่วยลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของแบงก์ชาติจีนเพื่ออกขายให้ชาวจีนทั่วไป
2.รัฐบาลท้องถิ่นตามมลรัฐและเมืองต่างๆ ของจีน ได้รับรายได้ก้อนใหญ่จากการ ขายที่ดินให้กับบรรดาบริษัทอสังหาฯ จีน
3.ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นอกจาก Ever grande ที่ถือเป็นสปอตไลท์ของงานนี้ ยังมีบริษัทอสังหาฯ จีนขนาดกลางแห่งหนึ่ง ที่มีบริษัทตรวจสอบบัญชี Big 4 ขอเอกสาร เพิ่มเติมในส่วนของการถือหุ้นกับบริษัทที่เป็น พรรคพวกของตนเองในรูปแบบของหุ้นส่วน โดยที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากบริษัทหุ้นส่วนมากกว่าของตนเอง นอกจากนี้ยังมีบริษัทบริษัทอสังหาฯ จีนขนาดกลางที่หุ้นกู้ในรูปแบบ สกุลเงินดอลลาร์มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ ที่ถูก เทขายจนราคาเกิดส่วนลดลงไปราวร้อยละ 15 ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
ในช่วงนี้ รัฐบาลจีนจึงเข้มกับการ ตรวจสอบการออกตราสารหนี้ในรูปแบบ Off-balance sheet รวมถึงการถือหุ้นในส่วนของการร่วมทุนกับบริษัทอื่น ของบริษัท อสังหาฯ จีนเป็นพิเศษ ทำให้การออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ของบริษัทเหล่านี้ในฮ่องกงทำได้ยากขึ้น
คราวนี้ก็มาถึงกรณี Evergrande ว่าเหตุใดถึงเกิดวิกฤติสภาพคล่องใน ช่วงนี้? คำตอบคือ Evergrande ใช้โมเดลธุรกิจแบบ "เงินต่อเงิน" นั่นคือ บริษัทจะ เปิดธุรกิจหรือโครงการใหม่ที่มีขนาดใหญ่อยู่ตลอด โดยที่เม็ดเงินลงทุนมาจากแหล่ง ต่อไปนี้
1.ลูกค้าชาวจีนที่ลงทุนโครงการของ Evergrande ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและเก็งกำไร
2.การออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ของบริษัทเหล่านี้ในฮ่องกง
3.การเข้าไปถือหุ้นกับบริษัทที่เป็นพรรคพวกของตนเองในรูปแบบของหุ้นส่วนเพื่อเข้าไปซื้อที่ดินจากรัฐบาลท้องถิ่นของ จีนเพื่อนำมาพัฒนาโครงการเพื่อขายให้ลูกค้าชาวจีน
4.ยืมจากมหาเศรษฐีของจีน ที่ตอนนี้ถูกผู้นำจีนเพ่งเล็งดังที่ทราบกัน
5.การขายสินทรัพย์ของธุรกิจอื่นของตนเอง ซึ่งตรงนี้เกิดจากนโยบายของรัฐบาลจีนเมื่อปีที่แล้วที่ต้องการให้บริษัทอสังหาฯ ลดภาระหนี้ลง
จะเห็นได้ว่าแหล่งเงินทั้งห้าของ Evergrande ได้ถูกปิดลงเกือบหมดในช่วงนี้ ทำให้การคืนหนี้แบงก์และจ่ายคืนภาระหนี้ของตราสารหนี้ในช่วงต่อจากนี้จะต้องถูกทดสอบเป็นอย่างมาก คำถามต่อไป คือ แล้วทางการจีนน่าจะจัดการกับปัญหาในครั้งนี้อย่างไร ก่อนจะตอบคำถามนี้ มาเข้าใจมายด์เซตของรัฐบาลจีนกันก่อน ผมมองว่า มีอยู่ 2 แนวทางที่เศรษฐกิจจีนกำลังจะก้าวต่อไปจากจุดนี้ ดังนี้
แนวทางแรก เป็นแนวที่ถือว่าเป็นกรณีฐาน ซึ่งเศรษฐกิจจีนก่อนกรณี Evergrande ดูจะเดินทางไปในแนวทางนี้ นั่นคือทางการจีนสามารถที่จะทำให้มูลค่าหนี้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ โดยที่พยายามจะสร้างให้รายได้ หรือจีดีพีเพิ่มเร็วกว่าภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ดุลยภาพในระยะยาว ในที่สุด
แนวทางที่สอง ถือเป็นกรณีที่เสี่ยงขึ้นสำหรับเศรษฐกิจจีน นั่นคือ การเกิดวิกฤติการเงินขนาดย่อมๆ หรือผ่านการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อให้มีการ Default ในบางส่วนเพื่อให้เกิดการลดมูลหนี้ อย่างไรก็ดี การเติบโตทางเศรษฐกิจในกรณีนี้จะลดลง เร็วกว่ากรณีแรกจากระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทว่าก็สามารถลดความเสี่ยงของภาค อสังหาริมทรัพย์ในอนาคตได้ดีกว่า
ณ ตรงนี้ เหมือนกับว่าทางการจีน จะขอ เลือกเดินตามแนวทางที่สองในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยที่พยายามจะกันความเสียหาย ให้เกิดเฉพาะกับบริษัทอสังหาฯ ที่เป็นต้นตอ ของปัญหาเท่านั้น และท้ายสุดแล้ว ปัญหานี้ จะรุนแรงไปถึงขนาดไหน?
ก่อนอื่น ผมขอตัดประเด็นการลามไปสู่ตลาดการเงินต่างประเทศไปก่อน เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากบริษัทต่างชาติน่าจะมีอยู่ราว 4-5 พันล้านดอลลาร์ ไม่น่าจะส่งผลในเชิงขยายเป็นวงกว้างในระดับโลก แม้ว่าจะก่อให้เกิดความกังวลในส่วนของการลงทุนในกองทุนบางกองบ้างในระยะสั้น ทว่าก็เป็นไปตามกลไกของตลาดที่เราเห็นกันในบางช่วงเวลา
คราวนี้มาถึงขอบเขตในประเทศจีน ด้วยขนาดความเสียหายของ Evergrande เองไม่น่าเกินร้อยละ 2 ของจีดีพีจีน ผมมองว่า ทางการจีน น่าจะการันตีรับผิดชอบความเสียหายให้กับลูกค้ารายย่อยได้ ทว่าในส่วนของบริษัท Evergrande และลูกค้าสถาบันนั้น ผมมองว่าต้องมีการแบ่งรับความเสียหายในบางส่วน เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างให้กับบริษัทอสังหาฯ รายอื่นๆ ในอนาคต ว่าจะต้องรับความเสียหายหากเกิดความผิดพลาดทางธุรกิจขึ้น เพื่อที่จะแก้ปัญหา "ล้มบนฟูก" หรือ Moral Hazard ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ทางการจีนค่อนข้างมีความจัดเจนในการจัดการกับปัญหาด้านการเงินทำนองนี้ โดยสังเกตได้จากกรณีวิกฤติธนาคารเปาซางของจีนเมื่อปี 2562 ด้วยระดับความเสียหายที่น้อยกว่านี้ไม่มากนัก ทางการจีนก็สามารถเคลียร์ได้ในระยะเวลาไม่นาน
ผมจึงมองว่า กรณี Evergrande จะเป็นวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในระดับประเทศด้านการเงินของจีนครั้งที่ทุกคนต้องจดจำ ซึ่งน่าจะใช้เป็นตัวอย่างของการลดระดับของปัญหา "ล้มบนฟูก" ของวงการอสังหาริมทรัพย์จีนในอนาคต
คอลัมน์ มุมคิดมหภาค: โดย บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ
Source: กรุงเทพธุรกิจ
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you