‘เฟด’ ส่งสัญโรงแรมติดหล่มยาว “ขาใหญ่-บิ๊กแบรนด์” อ่วมขาดทุน

ในช่วงไตรมาส 2/2564 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่กลับมาเริ่มส่งสัญญาณหนักขึ้นในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2564

โดยจากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่าในเดือนเมษายน 2564 ธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพักโดยรวมเฉลี่ยที่ 14.63% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการเข้าพักเพียงแค่ 2.23%
ดุสิตฯรายได้เพิ่ม แต่ขาดทุน
“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ซีอีโอกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ให้ข้อมูลผลประกอบการในไตรมาส 2 (เมษายน-มิถุนายน 2564) ว่ามีรายได้รวม 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 163 ล้านบาท คิดเป็น 38.4% แต่ยังคงมีผลขาดทุนสุทธิ 376 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 17%
ขณะที่รายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปีก่อน 15.3% โดยยังมีผลขาดทุน 302 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ขาดทุน 535 ล้านบาท
“ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต้องปิดให้บริการชั่วคราวทั้งโรงแรมในประเทศไทยและในต่างประเทศ ส่วนปีนี้โรงแรมยังสามารถเปิดให้บริการได้ ทำให้รายได้ไม่ได้หยุดชะงักเหมือนปีก่อน”
“นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศและรายได้จากการขยายธุรกิจอาหารให้กับโรงเรียนนานาชาติในเวียดนามมาช่วยเสริม และมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม รวมถึงควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด ทำให้ขาดทุนลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
“เซ็นเทล” ขาดทุนพุ่ง 607 ล้าน
เช่นเดียวกันกับ “ดร.รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์” รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ที่ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2/2564 บริษัทมีรายได้รวม 2,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม 12% และธุรกิจอาหาร 88%
โดยมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 652 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 186 ล้านบาท หรือ -40% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ดีเมื่อรวมรายการพิเศษจากการกลับรายการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวน 45 ล้านบาท ทำให้ขาดทุนสุทธิ 607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท หรือ -30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ หากดูตัวเลขรวมครึ่งปีแรกพบว่า มีรายได้รวม 5,463 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 จำนวน 1,475 ล้านบาท หรือลดลง 21% โดยมีสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรม 15% และจากธุรกิจอาหาร 85% และขาดทุนสุทธิ 1,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 571 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือลดลง 112%
“ดิ เอราวัณ” รายได้ลดทุกกลุ่ม
สำหรับบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW นั้น จากข้อมูลรายงานต่อสำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ของปี 2564 มีรายได้รวม 269 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 690 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน 2564) นั้นมีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 659 ล้านบาท ลดลง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1,182 ล้านบาท
พร้อมระบุด้วยว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ภาพรวมธุรกิจโรงแรมยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิดที่รุนแรงกว่าไตรมาสก่อนหน้า และส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้การดำเนินงานปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถือว่าปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 นั้นเป็นช่วงเวลาที่บริษัทปิดให้บริการโรงแรมเป็นการชั่วคราวในประเทศไทยทั้งหมด 66 แห่ง และโรงแรมในฟิลิปปินส์ 5 แห่ง
“หากเทียบกับไตรมาสแรกโรงแรมในประเทศไทยในไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงในทุกกลุ่มโรงแรมและทุกพื้นที่ และได้รับผลกระทบทั้งในส่วนของรายได้ส่วนห้องพักและร้านอาหาร อัตราการเข้าพักของโรงแรมในประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 ขณะที่ค่าห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 แต่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักลดลงร้อยละ 27”
AWC ยันมั่นใจเที่ยวไทย
ด้านบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้รายงานต่อสำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทมีรายได้รวมตามงบการเงินในไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 1,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้รวมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.3
ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่ปรับตัวดีขึ้น และได้รับกำไรจากการตีราคามูลค่ายุติธรรมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทมีกำไร (ขาดทุน) สุทธิ -198 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 72.1 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนงบการเงินสำหรับครึ่งแรกปี 2564 นั้นมีรายได้เท่ากับ 2,655 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.9 และมีกำไร (ขาดทุน) สุทธิ ตามงบการเงิน -792 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 77.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากวิกฤตการณ์ COVID-19 ระลอก 2 และระลอก 3 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และบริษัทได้รับผลกระทบโดยตรงต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (hospitality)
ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (hospitality) ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 161.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการของบริษัทลดลงร้อยละ 20.2
“ในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทมีรายได้ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมรวม 759 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 54.3 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักเกิดจากผลกระทบของไวรัสโควิดแทบทั้งสิ้น”
พร้อมย้ำว่า อย่างไรก็ตาม AWC ยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในระยะยาวว่าจะสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนได้อีกครั้ง
Source :ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"