ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทำนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักหวั่นใจไม่น้อย นั่นคือ อัตราเงินเฟ้อ เพราะในขณะที่เศรษฐกิจประเทศกำลังฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ ตัวเลขเงินเฟ้อกลับไต่ระดับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนิ่ง
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ CNN ของสหรัฐฯ อ้างอิงรายงานจากสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Bureau of Economic Analysis) ที่พบว่า ดัชนีราคาที่ติดตามการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ สิ้นสุดเมื่อเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.6% นับเป็นการเพิ่มขึ้นมามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และในกรณีที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ดัชนีราคาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3.1% สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 1992
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ อัตราเงินเฟ้อคือปัจจัยสำคัญที่จะควบคุมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งกังวลว่า ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวแพงขึ้นอย่างมากจะกระทบต่อกำลังการบริโภคภายในประเทศ ที่ขณะนี้ออกมาใช้จ่ายเงินกันอย่างคึกคัก ขณะที่นักลงทุนก็กังวลว่าอัตราเงินเฟ้อจะบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าแผนการเดิมที่วางไว้
ริชาร์ด เคอร์เทน (Richard Curtain) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า การสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมพบว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันทั่วประเทศยังคงเดินหน้าใช้เงินจับจ่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ และบ้าน ซึ่งการใช้จ่ายดังกล่าวทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
โดยยังไม่นับรวมว่า ราคามีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มูลค่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมุ่งอัดฉีดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า รัฐบาลไบเดนจะจัดสรรงบประมาณ 84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการสร้างงาน และจัดสรรงบอีก 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปรับลดภาษีภาคครัวเรือน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็ก และจัดสรรงบด้านการศึกษาอย่างทุนเล่าเรียนฟรี ขณะที่อีกส่วนหนึ่งจะใช้จ่ายผ่านโครงการยกระดับปรับปรุงคุณภาพของโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยการใช้จ่ายทั้งหมดจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีระดับหนี้พุ่งสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลไบเดนก็เล็งชดเชยด้วยการปรับขึ้นภาษีในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ และชาวสหรัฐฯ ที่มีฐานะร่ำรวย
อย่างไรก็ตาม แม้ราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก แต่เมื่อพิจารณาเห็นว่าเป็นเพราะราคาสินค้าและบริการในช่วงหลายเดือนก่อนหน้าร่วงลงอย่างหนักเพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไม่อาจเอามาเปรียบเทียบกันได้ และยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่ง รวมถึง เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และ เจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการ Fed มองว่าเงินเฟ้อระลอกนี้เป็นเพียงการเพิ่มขึ้นชั่วคราว เมื่อสถานการณ์เข้าที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงจนอยู่ในระดับเป้าหมายที่วางไว้คือไม่เกิน 2%
Source: The Standard Wealth
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you