ต่างชาติ ขนเงินกลับ กดบาทอ่อน 5.1%

9 เดือน เงินไหลออกกว่า 3.45 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% จากทั้งปีก่อน ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 5.1% รองจากรูเปียห์ ที่อ่อนลงถึง 6.7% ผล 2ปัจจัยชั่วคราว "การเมืองใน-ต่างประเทศ" ฉุดเงินบาทแกว่งตัวช่วงต.ค-ต้นพ.ย. ชี้ทิศทางแข็งค่าเหตุเกินดุลการค้าเป็นปัจจัยหนุน

นับจากต้นปี เงินบาทอ่อนค่าลงแล้วราว 5% เป็นอันดับสองรองจากสกุลเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียที่อ่อนค่าลง 6.7% และกรอบการเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา โดยเงินบาทอ่อนค่าลงมากในช่วงไตรมาส 1/63 ท่ามกลางแรงกดดันจากกระแสเงินทุนไหลออก ซึ่งมีแรงกระตุ้นจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในเวลานั้น เริ่มมีรายงานการติดเชื้อนอกประเทศจีน
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาได้บางส่วนในช่วงไตรมาส 2/63 โดยมีแรงหนุนจาก 3 เรื่องสำคัญคือ 1.แรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงมาที่กรอบต่ำใกล้ศูนย์ และส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างมาก 2.การเกินดุลการค้าของไทย โดยเฉพาะดุลทองคำ ซึ่งในเวลานั้นราคาทองคำในตลาดโลกทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ 3. การปรับสถานการณ์ลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มกองทุนและนักลงทุนไทย ทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้า
ขณะที่ไตรมาส 3/63 เงินบาทเคลื่อนไหวเป็นกรอบ Sideway โดยปรับตัวอยู่ในช่วงประมาณ 30.90-31.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของหลายๆ ปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในสหรัฐฯ
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัยกลุ่มงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัย กสิกรไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายปีนี้ มีความผันผวนมากตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย 9 เดือน (จากต้นปีถึง 1 ตุลาคม 2563) นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ ทั้งตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยที่ 277,793 ล้านบาท และ 67,620 ล้านบาท ตามลำดับเทียบกับทั้งปี 2562 ที่ขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตร 45,245 ล้านบาท และ 69,616 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท ธนาคาร กสิกรไทยประเมินว่า แนวโน้มแข็งค่าไปที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ยังอยู่ในเทรนด์อ่อนค่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนในไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯรวมถึงความกังวลต่อการระบาดรอบสองของโควิด-19 โดยต้องจับตาจุดยืนของเฟดที่น่าจะยังคงส่งสัญญาณผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันต้องติดตามปัจจัยการเมืองภายในด้วย เพราะปัจจัยดังกล่าวอาจมีผลกดดันเงินบาทให้เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าเป็นระยะ
"การเลือกตั้งในสหรัฐฯ เป็นประเด็นใหญ่ที่จะมีผลต่อตลาดเงินในไตรมาสสุดท้ายของปี"
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยกล่าวว่า 2ปัจจัยส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทในระยะข้างหน้า โดยปัจจัยด้านต่างประเทศขึ้นกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐ ซึ่งเงินบาทอยู่ในทิศทางผันผวนได้แต่ไม่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์หรือนาย โจ ไบเดนจะได้รับชัยชนะ สหรัฐยังคงดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะช่วงนี้นายโจ ไบเดนได้รับคะแนนนิยมมากกว่า มีโอกาสจะเป็นประธานาธิบดีสูงกว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ตลาดตอบรับในด้านลบ เพราะนักลงทุนกังวลนโยบายปรับขึ้นภาษีธุรกิจหรือนโยบายที่ไม่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ
ส่วนปัจจัยในประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจปีหน้ายังไม่สดใส ภาพรวมเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวไม่ดีนัก เห็นได้จากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับลดประมาณการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีหน้ารวมถึงซีไอเอ็มบีไทยด้วย โดยมองผ่านภาคการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตช้า การเกินดุลการค้าผ่านการนำเข้าที่หดตัวแรงจากความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ย่อลง
"เดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายนไม่มีสตอรี่ใหม่ ยกเว้นการเมืองต่างประเทศและการเมืองในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจะกดดันการเคลื่อน ไหวเงินบาทแกว่งตัวที่ 31.50-32.00 บาทต่อดอลลาร์ แต่หลังจากปัจจัยต่างประเทศคลี่คลาย เงินบาทจะแข็งค่าได้ด้วยปัจจัยพื้นฐานจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและเกินดุบการค้าที่อยู่ในระดับสูง"
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด(SCBS)กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกรวมทั้งไทยชะลอตัว ส่วนทิศทางค่าเงินบาทมีโอกาสจะกลับตัวแรงกว่า ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเชิงพื้นฐาน ทุนสำรองระหว่างประเทศแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูง ซึ่งต่างจากหลายประเทศที่ต้องใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศดูแลค่าเงิน เช่น ตุรกี อินโดนีเซีย บราซิล และเม็กซิโก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยผันผวนชั่วคราวจากการเมืองในสหรัฐจะคลี่คลายไปเมื่อเลือกตั้งประธานาธิบดี ประกอบกับแนวโน้มที่จะมียาต้านไวรัสกลางปี 2564 จึงมีความหวังว่า จำนวนนักท่องเที่ยวและภาคส่งออกไทยจะกระเตื้องปลายปี 2564
"ช่วงที่เหลือ มีปัจจัยบวกมาก กว่าปัจจัยลบ เช่น ยาต้านไวรัส ภาคส่งออกไทยหมวดสินค้ารายการใหญ่เริ่มฟื้นไตรมาส4 ปี64 ขณะที่การดำเนินนโยบายการคลังสหรัฐ จะกดดันสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าในไตรมาส4 ปีนี้ แต่เมืองไทยจำเป็นต้องเพิ่มความสามารถด้านสาธารณสุขหากยังหวังเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ".
Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

คลิก


Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
--------------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"