นักลงทุนที่มีความสนใจอยู่ในทองคำ คงต้องตั้งคำถามในใจ : โรคระบาดที่เริ่มที่จีนและต่อมาก็กวาดข้ามทวีปไปทั้งโลก มันไปกระทบกับทองคำได้ยังไง ถ้าจะให้เดา มันก็แค่ไปเร่งสิ่งที่มันพร้อมจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว นั่นคือ จีนกำลังเตรียมการส่งให้ราคาทองคำทะยานขึ้น
โรคระบาดก็แค่ช่วยให้ง่ายขึ้นสำหรับจีนที่จะขยายจากจุดที่จีนเป็นผู้นำอยู่แล้ว เพื่อบอกให้โลกตะวันตกรู้ว่าระบบเงินรีเสิร์ฟน่ะ หน้าตาเป็นยังไง ..และจีนก็จะใช้ข้อได้เปรียบนี้สร้างระบบการเงินใหม่ที่คงจะเป็นตะกร้าเงินสกุลต่าง ๆ ที่แน่นอนว่าจะต้อง ...backed by gold
ผมเดาว่าในที่สุดแล้ว นี่จะดันราคาทองคำขึ้นไปถึง $20,000
การแก้ปัญหาของโลกในเรื่องไวรัส..กลับเป็นการสร้างเรื่องยุ่งยากมากมาย และโลกก็อาจจะเปลี่ยนไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่คาดไม่ถึง ....และถ้ายิ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ทองคำน่าลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
ข้อลึกลับข้อหนึ่งในระหว่างที่การระบาดยังคงต่อเนื่องอยู่ ก็คือทำไมผลที่เกิดขึ้นของโรคระบาดกับโลกตะวันออกและโลกตะวันตกถึงได้แตกต่างกันอย่างนั้น ตะวันตกราวกับถูกทุบหัวด้วยค้อน..ในขณะที่ตะวันออกแทบไม่เป็นอะไรเอาซะเลย แน่นอนที่ว่าสหรัฐสามารถรับมือกับไวรัสได้ดีกว่า แต่ข้อด้อยในการตอบโต้ดูเหมือนจะเทียบกันไม่ได้เลย ระหว่างทั้งสองโลก และมันก็ไม่ใช่แค่สหรัฐเท่านั้น แต่มันเป็นทั้งโลกตะวันตก...ไล่ไปตั้งแต่ยุโรปตะวันออกไปยันแคลิฟอร์เนียเลย
ข้อที่น่าจะเป็นเหตุผลก็คือ มันอาจจะเป็นคนละสายพันธ์ก็ได้ ...เพราะจากผลล่าสุด ประเทศประชาธิปไตยในตะวันออก ออสเตรเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น รวมกันแล้วมีผู้เสียชีวิต 1,700 คนจากประชากร 260 ล้านคน ...แต่ที่ศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐที่เดียว นิวยอร์คซิตี้ ก็มีผู้เสียชีวิตแล้ว 26,000 คน ต่อประชากร 19 ล้านคน .....และในเยอรมันที่ไม่ใช่ศูนย์กลางการระบาด ก็ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5 เท่าในขณะที่มีประชากรน้อยกว่าหนึ่งในสาม ...เหตุผลของข้อแตกต่างนี้ เราคงจะไม่มีวันได้รู้
ความง่ายในการจัดการกับไวรัสของโลกตะวันออก..ไม่ว่าจะเพราะอะไร ทำให้ประเทศเหล่านั้นยังคงอยู่ใน a better shape ที่จะเดินหน้าต่อไปสบาย ๆ ...แต่นี่จะเป็นเหตุผลที่เชื่อได้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐจะเกิดขึ้นมากกว่า ในประวัติศาสตร์ก็เคยแสดงให้เห็นมาแล้ว เมื่อปี 1918 ที่มีการระบาดที่เลวร้ายที่สุดคือ Spanish Flu มีผู้เสียชีวิตในอเมริกาถึง 675,000 ..ถึงกระนั้น เศรษฐกิจก็โตไปถึง 9% แต่มันก็มีส่วนของสงครามโลกเข้ามาเกี่ยวอยู่ด้วย
Growing Hostility Towards China Over Pandemic
บทสรุปที่ไม่ดีเลยตอนนี้ก็คือ การมุ่งร้ายต่อจีนที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ..การโฟกัสให้จีนเป็นศัตรู ป้ายสีว่าจีนกำลังมุ่งร้ายต่อสหรัฐ ซึ่งเป็นการทำให้เกิดความเป็นหนึ่งในหมู่ประชาชนอเมริกัน ที่อาจจะทำให้เหมือนอยู่ในสถานการณ์สงคราม..เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ .....แต่มันก็จะทำให้หนทางที่ร่วมมือกันของทั้งสองประเทศในการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น หายไปหมดเลย
ผมไม่เคยเชื่อว่าจีน..ซึ่งยังมีข้อด้อยอยู่ จะมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้เข้าครอบครองโลก ...การทำงานร่วมมือกับจีน เป็น option ที่ดี มากกว่าที่จะมองว่าจีนเป็นศัตรู
ถ้าจะมองถึงเรื่องประชาธิปไตย หรือสิทธิมนุษยชนในจีน ก็น่าจะมองไปที่พันธมิตรที่เข้มแข็งที่สุดของสหรัฐ มานานกว่าครึ่งศตวรรษด้วย นั่นคือซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีทั้งประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และเสรีภาพ แต่สหรัฐก็ทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องเหล่านั้นเลย และยังมีอีกหลายประเทศที่สหรัฐทำงานร่วมกันอยู่ก็แบบเดียวกัน
ลองมาเปรียบเทียบกันดูในเรื่องการฟื้นฟูของแต่ละประเทศ สหรัฐได้ใช้เงินจำนวนมากแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแค่จะให้เศรษฐกิจของประเทศยืนอยู่ได้ ให้แน่ใจว่า อาหารและที่อยู่อาศัยยังคงมีเพียงพอ และโครงสร้างพื้นฐานยังคงใช้การได้
แต่จีน หลังจากควบคุมโรคระบาดไว้ได้อยู่มือ ประกาศถึงรายจ่ายโครงสร้างพื้นฐานถึงครึ่งล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณหกปีที่ $2.5 ล้านล้าน โครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่จะใช้เทคโนฯระดับสูง และไม่ใช่สร้างแบบหลงทิศทาง แต่จะเป็นไปตามเศรษฐกิจดิจิตัลและพลังงานรูปแบบใหม่ ...ตั้งแต่สถานีชาร์จ EV ถึง 5G และ AI ...ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้ทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อ ลดและกำจัดความยากจนที่มีอยู่ในประเทศจีน
เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ได้ยินฝ่ายสหรัฐออกมาพูดจาวางโต แต่ก็มีแววสิ้นหวังถึงเรื่องของบริษัท Taiwan Semiconductor ซึ่งมีโรงงานหลายโรงในจีน จะได้รับอนุญาตให้ผลิตชิปให้หัวเหว่ยได้หรือไม่ ....หัวเหว่ยดูเหมือนจะไม่ได้สูญเสียอะไรเลย ถึงแม้จะถูกแซงค์ชั่นจากสหรัฐ
A New Monetary System
จีนยังคงก้าวต่อไปในการพัฒนาระบบการเงินใหม่ จีนได้มีการทดสอบเงินดิจิตัลซึ่งจะเข้ามาแทนที่เงินกระดาษไปแล้ว เงินดิจิตัลจะทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบการหมุนเวียน ผมหวังว่าเงินดิจิตัลนี้จะหนุนหลังด้วยทองคำ และมันจะใช้คุณสมบัติที่หลากหลายของบล็อกเชน ในการจัดการ และทำความสะดวกให้ในการค้าระหว่างประเทศ
การเทรดทองคำของจีนเป็นลักษณะของ physical gold ซึ่งนี่เป็นเรื่องตรงประเด็นที่สุด ไม่เหมือนกับตลาดทองคำในสหรัฐหรือลอนดอน ซึ่งเต็มไปด้วยสัญญาฟิวเจอร์ที่ rollover ไปเรื่อย ๆ หมายความว่า มีการส่งมอบทอง physical น้อยมาก ...ตลาดทองคำของสหรัฐเป็นของนักเก็งกำไรในขณะที่ตลาดของจีนเป็นของนักลงทุน
ประเด็นคือ ชาวจีนและชาวต่างชาติมีตลาดที่พร้อมแล้วสำหรับการแลกเปลี่ยนทองคำและเงินหยวน เป็นเหตุผลที่ทำให้เราเห็นว่าเงินหยวนหนุนด้วยทองคำแล้วในทางอ้อม ...และเมื่อเกิดเป็นเงินดิจิตัลแล้ว ก็จะเข้าใกล้การหนุนด้วยทองคำอย่างเปิดเผย
Gold standard ในเวอร์ชั่นอดีตเป็นการ fix มูลค่าของทองคำ แต่ในระบบใหม่นี้มีการออกแบบให้เป็นไปตามจำนวนที่เพิ่มหรือขาดแคลนลง ....ทองคำซึ่งเป็นสิ่งที่โลกตะวันตกพากันละเลยไม่ให้ความสนใจ ในไม่ช้าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าจากมูลค่าปัจจุบัน เมื่อถึงเวลาที่มันเข้ามาหนุนการค้าระหว่างประเทศ และสกุลเงิน
คำถามที่ค้างคาอยู่ก็น่าจะเป็นว่า แล้วสหรัฐจะเข้าร่วมหรือเปล่าล่ะ แค่เรื่องของโรคระบาดก็ย้ำให้เห็นถึงความสิ้นท่าต่อจีนซะแล้ว ....สหรัฐเป็น No.1 มาเป็นเวลานาน แต่ผมคิดว่าสหรัฐก็ไม่ควรจะยึดติดอยู่สถานะนี้นัก เพราะมันจะ backfire เอาได้ ......ที่จริง มันก็ไม่เลวนักหรอกถ้าจะอยู่กับจีนในฐานะของโลกสองขั้วอำนาจ มันอาจจะเป็นการดีที่จะให้เวลาซ่อมอะไรต่ออะไร ที่ทำให้สหรัฐกลายเป็นตัวล้าหลัง .....จีนมีการย้ำว่าพร้อมและเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐ และก็พร้อมที่จะต่อต้านอะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้อง
เรื่องหนึ่งที่ผมสามารถจะแน่ใจได้ ..ไม่ว่าจะใน scenario ไหนก็ตาม ทองคำจะมีอนาคตเป็นดาวเด่นในระยะยาว
Cr.Sayan Rujiramora
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #