Fed กำลังเตรียมการโค่นล้มยูเอสดอลล่าร์อยู่หรือเปล่า?

ข้อคิดเห็นและท่าทีที่น่าประหลาดของผู้นำธนาคารกลาง Bank of England และอีกหลายธนาคารกลางชี้ให้เห็นถึง scenario ของแผนงานที่จะยุติบทบาทของยูเอสดอลล่าร์ในฐานะสกุลเงินทุนสำรองของโลก ...ในการนี้ น่าจะหมายถึงว่า Fed จะเป็นผู้จุดชนวน

ให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ..ถ้า scenario นี้จะเริ่มกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมพ์คงจะได้รับการจารึกชื่อว่าเป็น เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์คนที่สอง และเศรษฐกิจโลกจะถูกทำให้ล่มสลายหนักหนาสาหัสสุดๆนับจากปี 1930s ....นี่คือปัจจัยที่น่าเก็บมาพิจารณา

Bank of England speech

ผู้นำที่ใกล้เกษียณของ Bank of England ..Mark Carney ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่น่าทึ่งในการประชุมนายธนาคารกลางและเหล่าอิลิททางการเงินเมื่อเร็วๆนี้ที่ Jackson Hole, Wyoming วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ...ในสุนทรพจน์ขนาด 23 หน้า มีการส่งสัญญานชัดเจนจากผู้มีอำนาจตัวจริง (the Powers That Be) ที่เป็นเจ้าของเดียวของธนาคารกลางทั่วทั้งโลก ว่ากำลังจะเข้า take over โลกแล้ว

Carney กล่าวถึงรอยร้าวที่เห็นได้ชัดที่เกิดกับดอลล่าร์ในช่วงหลังของยุค 1944 เป็นต้นมา ..."มีการเสียสมดุลในแกนของระบบ IMFS (International Monetary and Financial System..ระบบที่เป็น set ของกฏระเบียบทุกอย่างของการเงินโลกที่กำหนดจาก BIS) ..และในขณะที่มีการจัดระเบียบใหม่ของเศรษฐกิจของโลกขณะนี้ ยูเอสดอลล่าร์ก็ยังคงความสำคัญถึงแม้สัญญา Bretton Woods จะต้องพังลง ....ในระยะยาวแล้ว เราจำต้องเปลี่ยนเกม ..ความเสี่ยงในโครงสร้างกำลังก่อตัว " เขากล่าวต่ออีกถึงรายละเอียดของพิมพ์เขียวการเปลี่ยนแปลงของดอลล่าร์ที่มีต่อธนาคารกลางทั่วโลก นี่นับเป็นการปฏิวัติของระบบเลย

Carney กล่าวถึงจีนซึ่งเป็นผู้นำทางการค้าของโลกที่เป็นผู้เข้าชิงที่เด่นชัดในการมาเข้าแทนที่ดอลล่าร์ในการเป็นรีเสิร์ฟของโลก .."การให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินของโลกยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ...ประวัติศาสตร์แสดงชัดว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนสกุลเงินรีเสิร์ฟของโลก มันไมง่ายเลย" ...เขาหมายความว่ามันคือสงครามหรือเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เช่นสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเมื่อตอนเปลี่ยนจากปอนด์สเตอร์ลิงมาเป็นยูเอสดอลล่าร์ ...สิ่งที่ Carney เห็นเป็นเรื่องเร่งด่วนก็คือ ต้องมีระบบใหม่ที่มาแทนที่ระบบการเงินของ IMF

Carney เสริมอีกว่า แต่นั่นเป็นแค่ทางเลือกที่ดีเป็นที่สอง ทางเลือกดีที่สุดอย่างแรกคือ ต้องสร้างให้เป็นระบบสองขั้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง มันไม่เหมาะที่จะใช้สกุลเงินเดียวเป็นเจ้าโลก ถ้าจะพูดง่ายๆคือ .."..ขอโทษนะปักกิ่ง..คุณคงต้องรอก่อน"

ผู้ว่าฯแบ้งค์ชาติอังกฤษยังเสนอว่า SDR ซึ่งเป็นตะกร้าเงิน 5 สกุล ดอลล่าร์ ปอนด์ เยน ยูโร และหยวน ..ควรจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสร้างระบบการเงินใหม่นี้ "IMF ควรเป็นผู้รวมศูนย์ของทรัพยากรกลาง แล้วเฉลี่ยไปยังสมาชิกทั้ง 189 ประเทศ.." Carney หมายถึงว่า IMF ควรกำหนดให้มีกองทุนของ SDR เพิ่มไปอีกสามเท่าเป็น $3 ล้านล้านเพื่อเป็นแกนของระบบการเงินใหม่นี้

Carney เสนอต่อ IMF สร้างโครงสร้างระบบการชำระเงินที่ใช้เงินคริปโตสากลที่มั่นคง โดยอ้างถึงคริปโตของเอกชนเช่น Libra ..เขากล่าวว่าเป็นการดีที่จะให้เอกชนเป็นผู้เสนอระบบ Synthetic Hegemonic Currency (SHC) โดยผ่านทางเครือข่ายเงินดิจิตัลของธนาคารกลางทั้งหลาย

Carney เคยเป็นผู้บริหารใหญ่ของ Goldman Sachs และเป็นตัวเก็งที่จะมาแทนนาง Christine Lagarde ในฐานะผู้นำของ IMF ...สุนทรพจน์ของเขาจะเป็นใบเบิกทางของสิ่งที่เจ้าของเดียวของแบ้งค์ชาติทั่วโลกวางแผนไว้เพื่อควบคุมเศรษฐกิจและการเงินของโลกสำหรับขั้นต่อไปหรือเปล่า

Lagarde to ECB

เมื่อถอดรหัสจากสุนทรพจน์นี้ เราจะได้เห็น roadmap ที่ชัดเจนของผู้มีอำนาจตัวจริงที่จะพาเราไป ...ดอลล่าร์ในฐานะรีเสิร์ฟต้องยุติ ทดแทนด้วย SDR ของ IMF ที่เท่ากับมีเงิน 5 สกุลหลักเป็นรีเสิร์ฟ ..เป็นการใช้เงินคริปโต ที่น่าจะเรียกว่าสกุลเงิน block chain ที่จะไม่เกิดข้อผิดพลาดได้เลย นั่นเป็นเหตุผลที่มีการพยายามเสนอให้มีการยกเลิกการใช้เงินสดมาตลอด ..การใช้จ่ายเงินทุกสตางค์ของเราจากนี้ไป..จะถูกตรวจสอบได้จากรัฐบาล

สังคมไร้เงินสดจะเป็นตัวสร้างบรรทัดฐานใหม่ของวิกฤติการเงินแบบใหม่ๆ ตลอดถึงการยึดเงินฝากจากรัฐบาลแบบง่ายๆ ที่ใช้ช่วยสถาบันการเงินยามวิกฤติ..ตามที่มีกฏหมายยึดเงินฝากออกมาตั้งแต่ปี 2014 ในหลายๆประเทศทั้งอียูและสหรัฐเอง

IMF อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนมาใช้เงิน block chain และเงิน SDR ในการมาแทนที่คิงดอลล่าร์ ....ในสุนทรพจน์เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2018 ที่ไม่มีใครสนใจของนาง Lagarde เธอได้กล่าวว่า IMF อยู่เบื้องหลังการใช้สกุลเงินดิจิตัลของธนาคารกลางต่างๆรวมถึงสังคมไร้เงินสด .."เชื่อว่าเราควรพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะออกเงินดิจิตัล รัฐควรจะมีบทบาทในการซัพพลายเงินดิจิตัลสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตัล ...digitization กำลังมา เงินสดจะมีบทบาทอะไรได้อีกในสังคมนี้ ดีมานด์ของเงินสดกำลังลดลง ..ในอีก 10..20..หรือ 30 ปีข้างหน้า จะยังมีใครมาแลกเปลี่ยนกระดาษกันอีก"

การนำสกุลเงินดิจิตัลใหม่มาใช้ในโลก ต้องยกเลิกบทบาทของยูเอสดอลล่าร์ที่มีมาตั้งแต่สัญญา Bretton Woods ..บทบาทการเป็นรีเสิร์ฟของดอลล่าร์ถือเป็นเสาหลักของอำนาจของอเมริกันต่อโลก ..ถ้าทำอย่างนี้ หมายถึงความพินาศครั้งใหญ่ ....นี่คือสิ่งที่ Federal Reserve กำลังวางแผนนโยบายการเงินอย่างเงียบๆอยู่หรือเปล่า

อดีตประธาน Fed สาขานิวยอร์ค Bill Dudley ซึ่งก็เป็นศิษย์เก่า Goldman Sachs ..และเป็นอดีตกรรมการใน BIS ..ได้มีข้อเขียนใน OpEd (หน้าที่คู่กับบทบรรณาธิการ) ....."ถ้าทรัมพ์ได้รับเลือกอีกสมัย จะเป็นการคุกคามต่อเศรษฐกิจของโลกและความเป็นอิสระของ Federal Reserve ...ถ้าต้องการบรรลุผลทางเศรษฐกิจในระยะยาว ...Fed ควรจะต้องพิจารณาว่าการตัดสินใจแบบไหนที่จะมีผลต่อการเมืองในปี 2020" ฟังดูน่าช็อค แต่ Dudley แค่เปิดเผยถึงสิ่งที่ Fed ทำลงไปตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาเมื่อปี 1913 ...นั่นคือซ่อนเร้นการสร้างอิทธิพลต่อโลกนี้และการเมืองของสหรัฐ โดยหน้าฉากคือนโยบายการเงินที่ "เป็นกลาง" ...Dudley บอกต่ออีกว่า ไม่มีการ "แทรกแซงจากรัสเซีย" มีแต่การแทรกแซงของ Federal Reserve

Fed สามารถทำให้เกิดวิกฤติในสหรัฐได้ ทั้งจากระดับหนี้ครัวเรือน ..หนี้รัฐบาล ..และหนี้ภาคเอกชน ....บริษัทเอกชนเกือบทั้งหมดสร้างหนี้รวมแล้วเกือบ $9 ล้านล้าน เพื่อซื้อคืนหุ้นของตนแทนที่จะใช้ลงทุน ทำให้เกิดฟองสบู่ในตลาดหุ้น ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นไม่ได้แสดงถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่หมายถึงความเสี่ยงที่มากขึ้น

Fed ยังคงคิดจะขึ้นดอกเบี้ยและทำ Quantitative Tightening ต่อไปอีกจนถึงปี 2020 หรือเปล่า ...การล้มละลายที่จะเกิดเป็นซีรี่ส์จากหนี้ทั้งหลาย จะทำให้การเลือกตั้งของทรัมพ์พังได้เลย ...และมันยังจะไปจุดชนวนให้เกิดการล่มสลายของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ได้มีการกู้เงินดอลล่าร์นับแสนล้าน ที่รวมเอาบริษัทเอกชนของจีน เตอรกี อาร์เจนติน่า บราซิล ฯลฯ ..หลายๆธนาคารของอียูตั้งแต่อิตาลี เยอรมัน ถึงฝรั่งเศสอาจล้มละลายได้

Scenario ที่ Dudley เสนอมานี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ในปี 2020 นี้ ก็อยู่ที่ผู้เล่นใน Fed เท่านั้นแหละที่จะบอกได้ สิบเอ็ดปีมาแล้วตั้งแต่วิกฤติปี 2008 อัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซนต์ในอียูและจะลามมาถึงสหรัฐในไม่ช้า ได้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "everything bubble" ซึ่งไม่ใช่แค่หุ้นหรือหุ้นกู้ และอสังหาฯ

การแทรกแซงจาก Federal Reserve โดยการเพิ่มดอกเบี้ยและทำ tightening เครดิต จะเป็นการทลายฟองสบู่นี้ให้พังลงหรือเปล่า โดยอ้างถึงอันตรายจากนโยบายของ ปธน.ทรัมพ์ที่จะทำอันตรายเศรษกิจของโลก ...ก็ต้องรอดูกันต่อไป

F. William Engdahl is strategic risk consultant and lecturer, he holds a degree in politics from Princeton University and is a best-selling author on oil and geopolitics, exclusively for the online magazine “New Eastern Outlook”

Cr.Sayan Rujiramora

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"