เศรษฐกิจไทยเจอศึกนอกศึกใน ระเบิดป่วนเมืองทุบความเชื่อมั่น ทำลายบรรยากาศการค้า-ลงทุน ขณะที่ทรัมป์เปิดศึกการค้ารอบใหม่ เขย่าขวัญผู้ส่งออก "จุรินทร์" เรียก 50 เอกชนระดมสมองรับมือเทรดวอร์
หลังครึ่งปีแรกส่งออกติดลบไปแล้ว 4.2% ขุนคลัง "อุตตม" เตรียมชง
ครม.อัดมาตรการปั๊มเศรษฐกิจเร่งด่วน ด้านอุตฯยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์พาเหรด "ลดคน" ล่าสุดเดลต้า อิเล็กทรอนิกส์เปิดโครงการสมัครใจลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ของสหรัฐอเมริกาได้ทวีตเมื่อ1 ส.ค.ว่า จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3แสน ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% มีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.นี้ หลังการเจรจาหาข้อตกลงยุติสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อ 31 ก.ค.- 1 ส.ค.ที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าส่งผลนักลงทุนมีปฏิกิริยาแง่ลบต่อคำประกาศของทรัมป์ ทำตลาดหุ้นเกือบทุกตลาดทั่วโลกดิ่งถ้วนหน้า
ขณะที่ในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 1 ต่อเนื่องถึงวันที่ 2 ส.ค. 2562 เกิดเหตุระเบิดป่วนเมืองมากกว่า 7 จุด
"อุตตม" เชื่อระเบิดไม่ฉุดเชื่อมั่น
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้นว่า เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากหน่วยงานที่ดูแลความสงบมีมาตรการดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยยังเข้มแข็ง สะท้อนจากการปรับอันดับเครดิตเรตติ้งของฟิทช์และมูดี้ส์ เป็นการสะท้อนความมั่นใจในสายตาของนักลงทุน ต่างชาติ
"ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวร่วงลงมาค่อนข้างแรงวันนี้ (2 ส.ค.) อาจจะต้องไปหารือกับผู้บริหารตลาดอีกที แต่มองว่าช่วงนี้ตลาดมีความผันผวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเศรษฐกิจโลกกดดัน โดยเฉพาะข้อพิพาทการค้า เราต้องมาดูแลตัวเอง มีมาตรการรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลกหรือเหตุการณ์ภายในอย่างไรให้เร็ว ขณะเดียวกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้ตอบโจทย์ประชาชนด้วย" นายอุตตมกล่าว
ชงมาตรการปัมเศรษฐกิจ
นายอุตตมกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประเมินผลกระทบความขัดแย้งทางการค้า ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ซึ่งทางสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังจะพิจารณามาตรการมาช่วยเพื่อบรรเทาผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ส.ค.นี้
ทั้งนี้ มาตรการที่จำเป็นมากคือ การเร่งรัดการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐ และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานราก รวมถึงอาจจะเร่งลงทุนระบบอีเพย์เมนต์เป็นการต่อยอด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีส่วนที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่น และกระตุ้นการจับจ่ายโดยขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าวงเงินที่จะออกเป็นแพ็กเกจเม็ดเงินเท่าไร
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กรณีที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีจีนอีก 10% มองว่าเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจโลกให้ชะลอลง ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบในการส่งออกสินค้าโดยตรง เนื่องจากไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน อย่างไรก็ตามตลาดประเทศไทยยังมีความหวังในเรื่องทดแทนการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐ ซึ่งจะต้องช่วงชิงโอกาสนี้ ตัวเลขส่งออกต้องติดตามหลาย ๆ ปัจจัย ซึ่งรัฐบาลก็พยายามทำหลายเรื่องให้การส่งออกดีขึ้น แต่ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ยาก เพราะส่วนใหญ่เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้
"จุรินทร์" ดึงเอกชนระดมสมอง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการร่วมประชุม RCEP ที่กรุงปักกิ่งว่า ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ได้นัดประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐ-เอกชนในส่วนของ ก.พาณิชย์ (กรอ.) เป็นครั้งแรก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐและภาคเอกชนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย ผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ สมาคมธนาคารไทย เป็นต้น ในการกำหนดแนวทางระหว่างไทยกับคู่ค้าทั่วโลก เพื่อผลักดันการส่งออก อย่างไรก็ตามทุกประเทศในโลกประสบอุปสรรคจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน
"ในที่ประชุม กรอ.นัดแรกจะพูดคุยหาทางออก ที่จะทำให้ส่งออกของไทยสามารถเดินหน้าเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้"
รายงานข่าวระบุว่า กรอ.ครั้งนี้คาดว่า จะมีตัวแทนหน่วยงานรัฐและเอกชนมาประชุมกว่า 50 ราย โดยขณะนี้ภาค
เอกชนอยู่ระหว่างหารือ เพื่อจัดทำรายงานปัจจัยลบต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และข้อเสนอแนะในการผลักดันการส่งออก ซึ่งมีการปรับลดเป้าส่งออกปี'62 จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3-5% เหลือติดลบ 2% คาดว่าเอกชนจะเสนอให้รัฐบาลเน้นดูแลค่าบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง และออกมาตรการภาษีช่วยเหลือผู้ส่งออก
ห่วงจีนตอบโต้กลับ
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกรณีการประกาศขึ้นภาษีลอต 3 ว่า จะส่งผลต่อการส่งออกของไทยให้ปรับตัวลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ในปี 2562 เป็น -1 ถึง -1.5% โดยสินค้าไทยที่จะกระทบส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัตถุดิบที่จีนส่งออกไปสหรัฐ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า, ชิ้นส่วนรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง, ยางพารา เป็นต้น
"ผู้ส่งออกไทยเริ่มกังวลว่ารัฐบาลจีนจะตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษี นำเข้ากี่รายการ เนื่องจากที่ผ่านมาจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐไปแล้ว 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และจะให้มี การปรับขึ้นภาษีอีก 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หากจีนประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐทั้งหมดก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ส่งออกไทยและส่งออก ทั่วโลกอยู่ในภาวะย่ำแย่กว่าเดิมอีก"
ประเมินผลกระทบไทย
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวย การสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สินค้าลอตใหม่ ที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษี 10% ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ มีจำนวน 3,812 รายการ ครอบคลุมสินค้าอุปโภคและบริโภค อาทิ อาหาร อุปกรณ์/เครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (โทรศัพท์มือถือ) เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ และของเล่น
สำหรับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากการขึ้นภาษีรอบนี้ต่อส่งออกไทย ประเมินว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับมาตรการที่ผ่านมา โดยกระทรวงพาณิชย์จะเฝ้าระวัง ผลกระทบ โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นประเมินว่า สินค้า เกษตร 725 รายการ มีโอกาสที่ไทยจะ ส่งออกไปตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็น สินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดและความสามารถทางการแข่งขันสูง อาทิ อาหารและเครื่องปรุงอาหาร น้ำผลไม้ เป็นต้น
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวย การสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สินค้าลอตใหม่ ที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษี 10% ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ มีจำนวน 3,812 รายการ ครอบคลุมสินค้าอุปโภคและบริโภค อาทิ อาหาร อุปกรณ์/เครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (โทรศัพท์มือถือ) เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ และของเล่น
สำหรับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากการขึ้นภาษีรอบนี้ต่อส่งออกไทย ประเมินว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับมาตรการที่ผ่านมา โดยกระทรวงพาณิชย์จะเฝ้าระวัง ผลกระทบ โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นประเมินว่า สินค้า เกษตร 725 รายการ มีโอกาสที่ไทยจะ ส่งออกไปตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็น สินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดและความสามารถทางการแข่งขันสูง อาทิ อาหารและเครื่องปรุงอาหาร น้ำผลไม้ เป็นต้น
ทุบเชื่อมั่นผู้บริโภค
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาระเบิดที่เกิดขึ้นในวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ไม่ได้ หวังผลถึงชีวิตแต่กระทบต่อความเชื่อมั่น ของผู้บริโภค ทำให้ระวังการใช้จ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น และประชาชนมองไป ในเรื่องการเมืองไม่มีเสถียรภาพสูง หวั่นจะเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาคธุรกิจและการลงทุน แต่หากรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงและรักษาความปลอดภัยให้ความมั่นใจต่อประชาชนได้ ก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นในระยะสั้น"
ส่วนที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีรอบใหม่จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะซึมตัว และขณะที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีสินค้าในเดือนก.ย.นี้ ทั้งยังจะมีผลกระทบจากเบร็กซิตในเดือนต.ค. 2562 ซึ่งมองว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก และทำให้การนำเข้าทั่วโลกอาจลดลง โอกาสการส่งออกไทยที่จะติดลบก็มีมากขึ้น จากที่ประเมินการส่งออกปีนี้ไว้ติดลบ 1-0% จะติดลบสูงถึงติดลบ 2-3% และมีโอกาสที่การส่งออกในปี 2563 จะติดลบด้วย ดังนั้น การใช้นโยบายการเงินคงอาจจะไม่เพียงพอ รัฐบาลก็อาจจะใช้นโยบายการคลังร่วมด้วย โดยกระตุ้นการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจในระบบ พร้อมดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่ 31-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
ตลาดหุ้นเจอข่าวร้ายถล่ม
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า วันนี้ (2 ส.ค.) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงได้รับผลกระทบจากทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจัยต่างประเทศเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั้งภูมิภาค ซึ่งมาจากการที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" ทวีตข้อความว่าจะขึ้นภาษีจีนลอตใหม่ลอตสุดท้าย วงเงิน 3 แสนล้านเหรียญ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 10% และมีผลวันที่ 1 ก.ย. 62 ประกอบกับตลาดหุ้นไทยผิดหวังการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยต่อ
ส่วนปัจจัยภายในประเทศมาจากเหตุการณ์วางระเบิดป่วนเมืองที่เกิดหลายจุดในกรุงเทพฯ ซึ่งน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่าหวังผลในเรื่องของชีวิตและทรัพย์สิน จึงให้น้ำหนักกับปัจจัยต่างประเทศกดดันตลาดหุ้นไทยมากกว่า แต่จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือรัฐบาลชุดใหม่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยต่อไปในอนาคต
"เราคิดว่าการวางระเบิดป่วนเมืองเป็นปัจจัยชั่วคราว และคงไม่ได้เกิดขึ้น ต่อเนื่อง เหมือนสงครามทางการค้า และคิดว่าจากนี้รัฐบาลคงจะดูความปลอดภัยและฝ้าระวังมากขึ้นเป็นลำดับแรก ต่อมา ต้องให้ความสำคัญกับการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ออกมาเร็วขึ้น" นายอภิชาติกล่าว
ชี้เหตุระเบิดกระทบหุ้นระยะสั้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กรณีที่ภาวะตลาดหุ้นไทย วันที่ 2 ส.ค. 62 ปรับลดลงประมาณ 20 จุด ชี้ว่าเป็นผลจากปัจจัยต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกมีทิศทางปรับลดลงตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.-2 ส.ค. 62 หรือตั้งแต่ช่วงที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% และตลาดคาดว่าอาจไม่เกิดการลดลงแบบต่อเนื่อง รวมถึงกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทวีตข้อความจะขึ้นภาษีจีน 10% ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้น ทั่วโลกในช่วง 4 วันที่ผ่านมา
ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น แต่จะเป็นเพียงผลกระทบ ระยะสั้นเท่านั้น และกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหรือความสามารถการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคในวันที่ 2 ส.ค. 62 พบว่า ตลาดหุ้นไทย มีการปรับลดลงต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ขณะที่ผลกระทบของเหตุการณ์นี้ต่อเศรษฐกิจไทยจะต้องติดตามต่อว่าจะคลี่คลายออกมาอย่างไร
อย่างคราวนี้ปัจจัยใหญ่ที่เรามองคือ เรื่องเศรษฐกิจโลกและตลาดโลกมากกว่า รวมถึงการเคลื่อนไหวของเงินทุนว่ามีการเคลื่อนไหวเข้าประเทศไทยอย่างไรบ้าง ส่วนเหตุการณ์อื่น ๆ ก็มีการมอนิเตอร์ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
อุตฯรถยนต์-อิเล็กฯลดคน
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2562 พบว่าขยายตัวชะลอลงต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามอุปสงค์ต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยการส่งออกสินค้าหดตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัว โดยเฉพาะ "หมวดยานยนต์" หดตัวตามการผลิตทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกหดตัว
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ผลกระทบจากตลาดส่งออกรถยนต์และยอดขายในประเทศที่มีแนวโน้มลดลงส่งผลให้แต่ละค่ายทยอยปรับลดกำลังผลิต และปรับลดต้นทุนด้านต่าง ๆ โดยเดือน มิ.ย.ผ่านมา บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศ โครงการสมัครใจลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานอายุ 45-54 ปี ที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไปเปลี่ยนอาชีพ โดยจ่ายชดเชยตั้งแต่ 16.5 เดือน ถึงสูงสุด 27.34 เดือน
เช่นเดียวกับบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ฟอร์ด และมาสด้า ได้เปิดโครงการโอกาสสานฝัน สู่อาชีพทางเลือก โดยบริษัทจะจ่ายชดเชย ให้ตามอายุงาน กรณีน้อยกว่า 1 ปี รับเงินชดเชย 8.67 เดือน จนสูงสุดอายุงาน 20 ปี รับเงินชดเชย 24.01 เดือน และบวกเงินช่วยเหลือพิเศษอีก 26,700 บาท
นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ก็ได้รับผลพ่วง โดยล่าสุดบริษัท วาลีโอ คอมฟอร์ท แอนด์ ไดร์ฟวิ่ง แอสซิสแทนซ์ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศหยุดกิจการชั่วคราวในไตรมาส 3/2562 เนื่องจากยอดการสั่งซื้อชิ้นส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงมีการเพิ่มวันหยุดงาน โดยบริษัทจะจ่ายค่าจ้าง 75% ในวันที่หยุดงานเพิ่มช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. 2562
และเมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ ได้ประกาศโครงการสมัครใจลาออก โดยมีเงื่อนไขเป็นพนักงานระดับซี 3-ซี 5 อายุงาน 10 ปีขึ้นไป บริษัทให้เงินช่วยเหลือตามกฎหมายบวกจำนวนปีของอายุงานที่เหลืออยู่จนเกษียณ คูณ 0.5 เดือน และบริษัทจ่ายเงินพิเศษให้อีก 120 วัน สำหรับพนักงานที่ทำงานจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2562
Source: ประชาชาติธุรกิจ
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you