การที่ Fed ยอมแพ้เรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นการทำให้เห็นว่ากำลังมีปัญหาใหญ่ในระบบเศรษฐกิจ

ที่ผ่านมา Fed ทำ tighening หยุดซื้อพันธบัตรและขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อเตรียมพร้อมรับมือเศรษฐกิจถดถอยครั้งต่อไป เพื่อให้หลุดพ้นจากเศรษฐกิจถดถอย จะต้องมีการลดดอกเบี้ยให้ได้ถึง 4% - 5% ...แต่ตอนนี้อัตราเท่ากับ 2.25% แล้วจะเอาอะไรมาลด

..จะต้องมีการขึ้นไปให้ได้ถึง 4% ก่อนที่จะมีการลด 4% ..ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ Fed พยายามทำอยู่

แล้ว Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในสถานการณ์ที่อ่อนแอแบบขณะนี้..โดยไม่ให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยได้ยังไง ..นี่มันเป็นงูกินหางเลย ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะทำเรื่องที่ยากขนาดนั้นได้ ..การทำ tightening ที่ผ่านมาก็ไปทำให้เศรษฐกิจมันเดินช้าอยู่แล้ว ..เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้เป็นผลมาจากการขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2017 ถึงปี 2018 และเห็นชัดเมื่อปลายปี 2018 ...Fed ยังไม่ถึงขั้นลดดอกเบี้ยหรอก แต่คงต้องทำ easing เพิ่มอีก อัตราดอกเบี้ยคงหยุดนิ่งแบบนี้ไปก่อน

ที่ผ่านมาการทำ QE ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเงินเฟ้อมากนักเพราะ เงินเฟ้อไม่ได้ขึ้นกับปริมาณ money supply อย่างเดียว แต่ขึ้นกับ velocity (รอบเงินหมุน) ของเงินด้วย ..แต่นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องคุยกันทีหลัง

เวลาพูดถึง QE ให้นึกภาพ Ben Bernanke เกาะอยู่กับเฮลิคอปเตอร์แล้วโปรยเงินลงมามากมาย ...แต่ QT จะเป็นภาพของ Jay Powell กำลังตักเงินเหล่านั้นเข้าเตาเผาเพื่อเผาทำลาย ประมาณเดือนละ $50,000 ล้าน หรือปีละ 6 แสนล้าน ก็เป็นการลด money supply

ที่น่าแปลกคือตอนทำ QE ราคาทรัพย์สินทั้งหมดสูงขึ้นเป็นฟองสบู่ แต่หลังการทำ QT ราคาไม่ได้ลดลงเลย

Bernanke เหมือนกับทาสีพื้นห้องจนตัวเองจนมุม และออกมาไม่ได้ ..ทุกครั้งที่พยายามจะออกจากมุม ก็จะไปทำให้ตลาดหุ้นพัง ตลาดอสังหาฯพัง ..พวกเขาเป็นผู้สร้างปีศาจตัวนี้ขึ้นมาเอง ทำให้การเติบโตลดลง ..ในที่สุดก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ที่มุมอีก หนีไม่ได้

18:50....มีคนมากมายที่บอกว่า ทองคำมีไม่มากพอที่จะมาหนุนปริมาณเงิน money supply และการค้าของโลก แต่ผมกลับคิดว่า ยังไงๆก็น่าจะพอ เพียงแต่เราจะตีราคามันเท่าไหร่ ..ถ้าเป็นราคาปัจจุบันที่ประมาณ $1,300/ออนซ์ มันก็ไม่พอแน่ๆ

ถ้าจะหนุนปริมาณเงิน base money supply หรือ m0 แค่ 40% ..หารมันด้วยทองคำ 33,000 ตัน ก็จะเท่ากับราคาทองที่ $10,000/ออนซ์

ราคาจะสูงขึ้น..ถ้าจะหนุนปริมาณเงินที่ใหญ่กว่าเช่น m1..หรือ m2..หรือไม่ก็หนุนที่เปอร์เซ็นต์มากกว่า 40% ของปริมาณ เช่น 75% หรือทั้งหมด 100% ไปเลย ..ราคาทองอาจไปถึง $40,000/ออนซ์ ง่ายๆเลย

ที่คำนวนคร่าวๆมานี้ก็อิงกับจำนวน money supply ที่เปิดเผยมาอย่างเป็นทางการ นี่ไม่ใช่เรื่องของจินตนาการ..ไม่ใช่นิยาย มันเป็นเพียงการคำนวนง่ายๆปกติ ...ถ้าคุณต้องการใช้มาตรฐานทองคำ โดยไม่ให้เกิดปัญหาเงินฝืด ..มีปริมาณทองคำเท่านี้กับปริมาณ money supply เท่านี้ ..คุณจะต้องกำหนดราคาของทองคำเท่าไหร่ล่ะ คำตอบที่ดูจะน้อยที่สุดก็คือ $10,000/ออนซ์ ....ผมไม่ใช่ gold dealer ที่จะมาแนะนำให้ซื้อหรือขาย

เวลาที่จะซื้อทองคำก็คือตอนที่ sentiment ในตลาดมันลงต่ำสุดๆจากการที่ผู้คนเริ่มเกลียดมัน ..ตอนนี้เราอยู่ในปีที่สี่ของตลาดกระทิง แต่มันเริ่มแบบช้าๆเพราะ sentiment ยังไม่ค่อยดีนัก แต่จะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมันมี momentum ..ดังนั้น ยังไม่สายหรอกที่จะโดดขึ้นรถตอนนี้ ..เพราะในอนาคต ปัญหาอาจไม่ใช่อยู่ที่ราคา.....แต่อยู่ที่ จะมีซัพพลายจะให้หรือเปล่า

สัญญานที่ส่งเข้าตลาดทองคำตอนนี้ มาจากการที่ Fed โยนผ้ายอมแพ้แล้ว ทีแรกก็ดูท่าจะดี แต่แล้วก็ไปทำให้ตลาดเกิดอาการชะงัก ..พวกเขาหมดทางไปต่อ เกิดอาการสิ้นหวังต่อปัญหาเงินเฟ้อ ..และนั่นมันก็มีผลดีต่อทองคำ...

Cr.Sayan Rujiramora

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"