ถ้าเราได้ตามข่าวคราวเรื่องเทคโนโลยีบ้าง คำว่า บล็อคเชน และ บิทคอยน์จะตามมาเข้าหูสม่ำเสมอ บ้างก็ว่าเป็นเทคโนโลยีสำหรับอนาคต บ้างก็ว่าเป็นพื้นฐานที่จะเปลี่ยนแปลงอินเตอร์เน็ตและการเงินทั้งหมด บ้างก็ว่า bitcoin กำลังเป็นฟองสบู่ที่รอวันแตก
จริงๆแล้ว มันคืออะไร และมันจะเปลี่ยนอนาคตและพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างไร
.
ก่อนอื่น บิทคอยน์ ไม่ใช่ บล็อคเชน บิทคอยน์เป็นเหรียญดิจิตอลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนเท่านั้น
.
เทคโนโลยีบล็อคเชนมีหลากหลายมาก และมีเพิ่มใหม่ตลอดเวลา แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกันคือ เป็นการเก็บข้อมูลที่ได้ตกลงกันไว้อย่างปลอดภัย และเมื่อไหร่ที่ต่างฝ่ายได้ตกลงกันแล้วก็จะแก้ไขไม่ได้อีก บล็อกเชนรุ่นใหม่ยังมีลักษณะที่เรียกว่า smart contact หรือสัญญาชาญฉลาด ที่มีผลบังคับใช้กับคนที่ตกลงจะทำสัญญานั้น โดยไม่ต้องมีตัวกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องมีธนาคาร พยาน ศาล หรือหน่วยงานใดๆมารับรองสัญญา แต่ใช้กลไกทางคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์มายืนยันว่าสัญญานั้นเป็นจริงและบังคับใช้ได้กับทั้งสองฝ่าย
.
ความไว้ใจราคาแพงเสมอ วันนี้เราใช้ตัวกลางในการรับรองเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถไว้ใจกันได้ หลายองค์กรหลายสถาบันก่อตั้งขึ้นมาด้วยเหตุผลนี้ แต่ถ้าเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งหน่วยงานพวกนี้ขึ้นมาเลยล่ะ???
.
ลองคิดดูในโลกของการที่ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการรับรอง เราสามารถซื้อบ้านที่ดินโดยไม่ต้องไปสำนักงานที่ดินได้ และเชื่อใจผู้ขายได้ 100% โอนเงินไปแล้วบ้านจะเป็นของเราแน่นอน
.
ไม่จำเป็นต้องไปกรมขนส่งเพื่อโอนรถ ไม่ต้องมอบอำนาจให้ใคร
.
ไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตซ้ำซากเวลาเดินทางหรือไปธุระที่ไหน บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตนั้นเป็นข้อมูลที่อ่อนไหว และไม่พึงเปิดเผยในที่สาธารณะ ข้อมูลในนั้นเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ไม่มีใครมีสิทธิ์เก็บหากไม่ได้อนุญาต แต่เรากลับแสดงข้อมูลสำคัญของเราเป็นร้อยๆพันๆครั้งต่อปี
.
ประหยัดเวลาในการเซ็นแล้วเซ็นอีก อนุมัติแล้วอนุมัติอีกในงานรัฐบาล
.
โอนเงินโดยไม่ต้องผ่านธนาคารและบัญชีธนาคาร! (Bitcoin เองก็โอนโดนไม่ผ่านธนาคารเหมือนกัน)
.
ปล่อยกู้กันเองโดยไม่ต้องกลัวถูกโกง
.
เลือกตั้งโดยไม่ต้องกลัวการสลับหีบเลือกตั้ง
.
และอื่นๆ อีกมากมาย
.
พลังของคณิตศาสตร์และโปรแกรมเบื้องหลังบล็อคเชน ทำลายข้อจำกัดในเรื่องความไว้วางใจ ย่นเวลา และประหยัดขั้นตอนได้อีกมาก วันนี้หน่วยงานกลางทั่วโลก เริ่มหันมาให้ความสนใจกับบล็อคเชน องค์กรด้านกฎหมายก็จำเป็นต้องไล่กวดตามให้ทัน
.
วันนี้เทคโนโลยีบล็อกเชนถือว่าเป็นเด็กตั้งไข่ เรายังรอคนอย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่นำเอาระบบอินเตอร์เน็ตธรรมดาขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วนำเสนอแพลตฟอร์ม Facebook ให้กับคนทั้งโลกใช้ หากในวันข้างหน้า บล็อคเชนเติบโตแล้วถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเช่นเดียวกันกับ Facebook ในวันนี้ล่ะ แล้ววันนั้นคุณจะมองหันกลับมาแล้วถามตัวเองว่า ก่อนหน้านั้น เราไม่มีมันได้อย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เราพลาดที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งนี้ได้อย่างไร
.
May
Cr.DinoTech5.0
-----------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/