ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา คำว่า Deep State นั้นได้ถูกกล่าวถึงในสื่ออเมริกาอย่างต่อเนื่อง ชื่อนี้มีความหมายครอบคลุมถึงอะไรบ้าง ? ในตอนแรกนั้น “Deep State” คำนี้เป็นการใช้ในหมู่นักการเมืองของพรรครีพับรีกัน และการสื่อสารถึงกลุ่มการเมืองที่อนุรักษ์นิยม
ตามแนวคิดของทฤษฎีสมคบคิด กลุ่มที่มีการตัดสินใจทางการเมือง ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อประเทศ โดยกล่าวในเชิงที่ขัดกับแนวคิดแบบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง และถูกเรียกว่า “รัฐบาลเงา” หรือ a shadow government ( แปลว่า นักการเมืองสายลึก จะรู้ว่า คนใช้อำนาจจากการเลือกตั้ง ที่แท้ทรูนั้น ไม่ใช้ประชาชนคนเลือกที่ไม่ได้ใช้อำนาจของตน )
... โดยรากคำที่มานั้น มาจากการเคยอธิบายถึงเครื่องมือที่มองไม่เห็น ของรัฐบาลตุรกีในการค้าขายยาเสพติดผิดกฎหมายของทหารตุรกีเพื่อจะเอาไปสนับสนุนนักฆ่าเพื่อทำสงครามกับชาวเคิร์ดที่เป็นกบฏในประเทศ และคำนี้ยังใช้ครอบคลุมถึงรัสเซียหลังยุคโซเวียตรัสเซีย ที่จะมีรัฐบาลเงาอีกทีในการทำกิจการรมบางอย่างที่มองไม่เห็นในสื่อกระแสหลัก ส่วนใน “อเมริกา” นั้นมีการใช้ในหลากหลายโอกาศและหลายนักเขียนที่พยายามอธิบาย เช่น Marc Ambinder, David W. Brown, Peter Dale Scott, Mike Lofgren, Kevin Shipp, Michael Tomasky and Michael Wolff. ขณะที่คำจำกัดความก็ยังหลากหลาย
... และหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มที่สนับสนุน “โดนัลด์ ทรัมป์” และนักคิดแนวทฤษฎีสมคบคิด ที่ว่ามีผู้ที่พยายามจะขัดขวางการคัดสรรหาตัวผู้สมัครรับเลือกในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอเมริกาในปี 2016 ทั้งของพรรคเดโมแครทและรีพับรีกัน โดยอ้างจากคำประกาศรับตำแหน่งของทรัมป์นั้น คำนิยามที่กล่าวถึงพวกนี้ก็คือพวกที่พยายามจะต่อต้านการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ และพยายามจะไม่รับรองการเป็นประธานาธิบดีของเขา รวมทั้งนโยบายของเขา ซึ่งจะพบว่าเดือนแรกๆที่ทรัมป์ขึ้นรับตำแหน่ง มีพ่อมดนักการเงินใหญ่ผู้อื้อฉาวของวอลล์สตรีทปลุกกระแสในหมู่ชาวอเมริกันหนุ่มสาวให้ออกมาเดินประท้วงไปทั่วประเทศต่อต้าน ว่าเป็นเรื่องน่าเกลียดที่มีผู้นำแบบทรัมป์อยู่หลายเดือน แต่สุดท้ายกระแสนี้ก็หายไป ทรัมป์ก็อยู่มาจนถึงวันนี้ เกือบครบสองปี
... แต่ว่าผ่านมาสองปี กระแสต่อต้านทรัมป์ก็กลับมาอีกครั้งในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่ฝ่ายทรัมป์ก็เชื่อว่าเป็นพวก “Deep State” นี้พยายามเขย่าบัลลังค์ของเขาอีกครั้ง
... ในปี 2014 นั้น Mike Lofgren อดีตสมาชิกพรรครีพับรีกันได้จำกัดความ “Deep State” เอาไว้ว่า “มันคือสมาคมที่เกิดจากการผสมผสานขององค์ประกอบจากรัฐบาลบางส่วน รวมกับบางส่วนของตัวใหญ่ๆของบริษัททางการเงินและภาคอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ สามารถที่จะควบคุมประเทศอเมริกาโดยปราศจากการแสดงหลักฐานการอ้างอิงถึงความยินยอมของรัฐบาลผ่านกระบวนการทางการเมืองอย่างเป็นทางการ"
... ขณะที่ ศาสตราจารย์ Jason Royce Lindsey บอกว่า ถ้าแยกเรื่องทฤษฎีสมคบคิดออกไปแล้ว เรื่องของ “Deep State” นั้นมีจริงโดยเน้นไปที่เรื่องขององค์กรของหน่วยราชการลับ เช่น หน่วยงานด้านความมั่นคงของชาติ ที่ประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนมีหน่วยงานนี้ที่ทำงานใต้ดิน เช่น อเมริกาเป็นต้น มีทั้ง ซีไอเอ เอฟบีไอ หรือ เอ็นเอสเอ ที่ Alfred W. McCoy ก็ได้ย้ำอีกว่า หลังจากเหตุการณ์กรณีตึกแฝดถล่ม 9 -11 นั้น องค์กรเหล่านี้ก็มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ( ก่อนหน้านี้พวกเขาก็มีอำนาจมากอยู่แล้ว และซีไอเอนั้นก็มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับวอลล์สตรีทมานาน ) โดยพวกเขาได้สร้าง “แขนงอำนาจที่สี่ในเงามืด” ที่ไม่ฟังอำนาจของระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด ( นอกเหนือจากสามแขนงหลักอย่าง รัฐสภา ศาล และรัฐบาล )
... ศาสตราจารย์ Jon D. Michaels บอกว่า มันรวมถึงพวกชนชั้นสูงของนายทหารในกองทัพและเจ้าหน้าที่อาวุโสในกระทรวงต่างๆที่อยู่ในเงามืดที่สามารถสั่งทับลบล้างคำสั่งของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามได้ พวกที่แม้ประธานาธิบดีคนเก่าไป คนใหม่มา พวกเขาก็ยังมีอำนาจมากอยู่เหมือนเดิม
... The Council on Foreign Relations (CFR), founded in 1921, is a United States nonprofit think tank specializing in U.S. foreign policy and international affairs. It is headquartered in New York City, with an additional office in Washington, D.C. Its membership, which numbers 4,900, has included senior politicians, more than a dozen secretaries of state, CIA directors, bankers, lawyers, professors, and senior media figures.
... ศาสตราจารย์ Michael J. Glennon ของมหาวิทยาลัย Tufts University ก็เคยบอกว่า สมัยโอบาม่า ดำรงในตำแหน่ง แปดปี เขาพยายามปรองดองคานอำนาจกับกลุ่ม “Deep State” โดยเรียกว่าการทำงานแบบ “สองรัฐบาลคู่กันไป” หรือ Double Government แต่สุดท้ายไม่สำเร็จ เขาต้องเดินตามการชักนำของกลุ่มนี้ในท้ายที่สุด เช่นกรณีสงครามในอัฟกานิสถาน ปี 2009 ที่สุดท้ายอเมริกานำโดยโอบาม่า ก็ต้องเอาทหารไปแทรกแซงที่นั่น ตามความต้องการของกลุ่ม “Deep State” หรือเรื่องที่โอบาม่าบอกว่าจะปิดคุกอื้อฉาวที่กวนตานาโมให้ได้ ที่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ ( เขาไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้มากนัก นอกจากเก็บลมหายใจของตัวเองไว้ได้ )
... สำหรับ “ทรัมป์” นั่นก็เช่นกัน หลายอย่างเขาก็ต้องทำตาม ตามความต้องการของกลุ่ม “Deep State” เช่นการรับรองและย้ายสถานทูตไปที่เยรูซาเลมว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล การยิงขีปนาวุธถล่มซีเรียเอาใจอิสราเอล เพราะว่าช่วงแรกๆที่รับตำแหน่งมีข่าวเรื่องการจะพยายามลอบสังหารเขาเช่นกัน ถ้าเขาไม่เดินตามนโยบายของพวกเครือข่ายอำนาจในเงามืดนี้ โดยทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่ถูกโจมตีจากข่าวรั่วไหลของหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีก่อนหน้าเขา แปลว่าเขาควบคุมหน่วยงานเหล่านี้ ไม่ได้ ที่สังเกตเห็นความขัดแย้งนี้ได้ เช่น ทรัมป์สั่งเปลี่ยนตำแหน่งและปลดนาย “จอห์น โอ เบรนแนน” อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ คนก่อนที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2013 สมัยโอบาม่า มาเป็นนายไมค์ ปอมเปโอ สมาชิกของทีปาร์ตี้ ของรีพับรีกันแทน ในเดือนมกราคมของ ปี 2017 ทั้ง “จอห์น โอ เบรนแนน” และ ฮิลลารี่ คลินตัน นั้นต่างก็ถูกแฮกอีเมล์และนำมาแฉก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีกับทรัมป์ในปี 2016 ที่พวกเขาและพรรคเดโมแครตเชื่อว่า ทรัมป์อาจจะสมรู้กับทางรัสเซียเพื่อจะทำลายคะแนนเสียงของนางฮิลลารี่ที่เป็นคนที่ “Deep State” สร้างภาพให้เป็นสตรีเก่งอยากให้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไป
... นอกจากนั้นแล้วในเดือนพฤษภาคม ปี 2017 ทรัมป์ก็ได้เปลี่ยนผู้อำนวยการ เอฟบีไอ โดยการปลดนาย James Comeyออก ที่เขาเชื่อว่ามีความสนิทสนิมกับ พวก “Deep State” มากเกินไป มาเป็นนาย Christopher A. Wray คนที่เขาสามารถพูดคุยและสั่งการได้แทน
... และเรื่องความขัดแย้งซดเกาเหลาระหว่าง “ทรัมป์ “กับ กลุ่ม “Deep State” ยังจะมีให้เห็นอีกต่อไป และก็กำลังรุนแรงขึ้นอีก เมื่อจะครบสองปี ที่การเลือกตั้งกลางเทอม ที่พวกเขาพยายามจะทำลายความน่าเชื่อถือของทรัมป์ต่อไป เช่นกรณีการกล่าวหาหนึ่งในศาลสูงเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวในอดีต และอาจจะต้องการทำลายเขาอย่างใดอย่างหนึ่งในเร็วๆวันนี้
... นักวิเคราะห์บางสายที่คล้ายกับที่ เอ็ดเวิร์ต สโนเด็นเคยบอกไว้ว่า เบื้องหลังพวก “Deep State” อีกที ที่มีอำนาจแท้จริงก็คือ CFR หรือ Council on Foreign Relations ที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 1921 , ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ค รวมทั้งสำนักงานรองที่วอชิงตันดีซี , ที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มนักการเมืองอาวุโสและอีกหลายสิบคนในกระทรวงต่างๆ , ผู้อำนวยการของซีไอเอ , นายธนาคาร, นักกฎหมาย , ศาสตราจารย์ , เครือข่ายพวกอุตสาหกรรมทางการทหาร ( ค้าอาวุธ ) Mike Lofgren has claimed the military-industrial complex is the private part of the deep state และบุคลากรทางสื่อสารมวลชนอาวุโสในประเทศ มาประชุมรวมกันเพื่อกำหนดนโยบายการต่างประเทศให้กับประธานาธิบดีและรัฐบาลนำไปปฏิบัติต่อไป ( เป็นการร่างแนวความคิดโดยการดันให้ผ่านสภาเพื่อออกเป็นกฏหมายต่อไป ถ้าประธานาธิบดีหัวอ่อนก็ทำตาม ถ้าไม่ทำตามก็อาจจะชีวิตสั้น หรือมีอันเป็นไป )
... ที่นอกจาก กลุ่ม “Deep State” แล้ว ยังมีองค์กรอย่าง Bilderberg ที่เหมือนกับเอา CFR ของอเมริกากับยุโรปรวมกัน , ขณะที่องค์กร Trilateral Commission, ก็คือการเอา CFR ของ อเมริกา ยุโรป และเอเชีย รวมกัน ที่มีทั้งนักการเมืองอาวุโส พ่อค้าอาวุธ นายธนาคาร สื่อสารมวลชน ผู้นำและอดีตผู้นำในหลายประเทศเป็นสมาชิก แต่โดยภาพรวมนั้นจะถูกนำโดยแกนนำจากอเมริกาเป็นหลัก
... ยังไม่นับองค์กรลับที่อยู่หลัง องค์กรเหล่านี้อีกที อย่างกระโหลกไขว้ ไซออนนิสต์ อิลลูมินาติ ที่อยู่ในระดับสูงของปิรามิดห่วงโซ่อาหารในสายตาของพวกเขาอีกทีหนึ่ง ที่ต้องการเป็น “โลกบาล” หรือ ผู้ปกครองโลกแต่เพียงผู้เดียว
.
... Tufts University professor Michael J. Glennon claimed that President Barack Obama did not succeed in keeping his what he calls the "double government"; the defense and national security network.[20][21] Mike Lofgren felt Obama was pushed into the Afghanistan "surge" in 2009.[22] Another major campaign promise Obama made was the closure of Guantanamo Bay Prison Camp, which he was unable to accomplish. This has been attributed indirectly to the influence of a deep state.[11]
... Professor Jason Royce Lindsey argues that even without a conspiratorial agenda, the term deep state is useful for understanding aspects of the national security establishment in developed countries, with emphasis on the United States. Lindsey writes that the deep state draws power from the national security and intelligence communities, a realm where secrecy is a source of power.[8] Alfred W. McCoy states that the increase in the power of the U.S. intelligence community since the September 11 attacks "has built a fourth branch of the U.S. government" that is "in many ways autonomous from the executive, and increasingly so."[9]
... Following Trump's inauguration, the term was widely adopted among partisans alleging that there exists a deep-state conspiracy to delegitimize the presidency and thwart its policy goals
https://en.wikipedia.org/wiki/Deep_state_in_the_United_States
https://en.wikipedia.org/wiki/Council_on_Foreign_Relations
Cr.Jeerachart Jongsomchai
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/