หุ้นไทยทะยานต่อเนื่องอีก 4.25 จุด อานิสงส์ปัจจัยใน-นอก หนุน "สมคิด" ชี้ต่างชาติมองไทยเป็น "เซฟเฮฟเว่น"การลงทุน หลังโรดแมพ เลือกตั้งชัดเจน ดึงความเชื่อมั่น ด้าน "อภิศักดิ์" มั่นใจ "จีดีพี" ไทยปีนี้ส่อโต 5% ขณะที่นักลงทุนสถาบันยังเชื่อมั่น
ซื้อสุทธิ ต่อเนื่องอีก 3.46 พันล้าน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ก.ย.) ยังปรับตัว ขึ้นต่อเนื่องโดยได้แรงหนุนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,722.21 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด คิดเป็น 0.25% มูลค่าการซื้อขายรวม 58,890 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิอีก 298 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3,469 ล้านบาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับขึ้นของดัชนี หุ้นไทยมาจากสถานการณ์การเมืองที่ผูกโยง กับการเลือกตั้งที่มีความชัดเจน ทำให้ แรงกดดันในตลาดหุ้นคลี่คลายลง นักลงทุน มีความเชื่อมั่นมากขึ้น ขณะที่พื้นฐาน เศรษฐกิจไทยก็มีความเข้มแข็ง หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ระดับต่ำ
นอกจากนี้ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดงาน "ไทยแลนด์โฟกัส" มีกองทุนมาร่วมกว่าร้อยแห่ง นักลงทุนเหล่านี้ก็ได้ข้อมูลกลับไป อย่างเต็มที่ซึ่งก็ทำให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น สะท้อนว่า ไทยเป็นตลาดที่ปลอดภัย "Safe Haven" สำหรับนักลงทุนอย่างแท้จริง ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในตลาดเกิดใหม่ มีความผันผวนมาก
ส่วนการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ยังเชื่อมั่นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความสามารถ มีวิจารณญาณ ในการพิจารณาอย่างมีเหตุผลและ เหมาะสมที่สุด โดยกระทรวงการคลังและธปท. ต้องร่วมมือกันอยู่แล้ว
"ที่ผ่านมาการเมืองผูกกับการเลือกตั้งอยู่ แต่พอมีพ.ร.บ.ออกมา เงินลงทุนต่างชาติ ทั่วโลกก็เข้ามาในที่ปลอดภัย ดันให้ ตลาดหุ้นไทยยังไปได้ด้วยดี และเราควร พยายามรักษาโมเมนตัมตรงนี้เอาไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อเรา ขณะที่ความผันผวน ของตลาดการเงินโลกในขณะนี้กระทบเรา น้อย เพราะดัชนีชี้วัดทุกตัวของเรา ยังดีต่อเนื่อง จากบทเรียนตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ทั้งเอกชนและรัฐบาล ได้ดูแลตัวเองอย่างดี"
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้น ไทยที่ปรับตัวดีขึ้นที่ผ่านมา มาจากทั้งปัจจัย ภายในที่โรดแมพการเลือกตั้งมีความชัดเจน มากขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น มากขึ้น และปัจจัยนอกประเทศที่ตลาด ทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นด้วย
พร้อมกันนี้ยังต้องผลักดันการลงทุน ในอีอีซี เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักอยู่แล้ว เพราะจะเป็น เครื่องยนต์ใหม่ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทย ขยายตัวต่อไปได้ จากเครื่องยนต์เก่า ไม่มีพลังแล้ว ทั้งนี้การผลักดันการลงทุนในอีอีซี เราเองก็ต้องปรับตัวและทำให้ การลงทุนในอีอีซีมีความง่าย ลดความยุ่งยาก ในการลงทุนเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาด้วย เพราะแนวคิดแบบอีอีซี ประเทศอื่นๆ ก็ทำเหมือนกัน ดังนั้น เราต้องทำให้ดีกว่าและด้วยมีจุดแข็งเรื่องพื้นที่ตั้ง มั่นใจว่า ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ในปีนี้มีความพยายามผลักดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) เติบโต 5% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลคาดหวัง ถ้าผลักดันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ทำให้ เห็นว่าประเทศมีความมั่งคั่งร่ำรวยมากขึ้น ผลที่ตามมาประชาชนที่ยากจนจะมี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คนยากไร้จะน้อยลง
ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด นายกและในฐานะสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของดัชนีหุ้นไทย ในรอบนี้ มาจากปัจจัยภายในประเทศ ที่มีโรดแมพของการเลือกตั้งที่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุน ในประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และ อีกส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยตลาดหุ้นโดยรวมทั้งภูมิภาคปรับตัวขึ้น ด้วยความกังวลสงครามการค้าที่สหรัฐ กับจีนผ่อนคลายลงซึ่งคาดว่าจะกลับมาเจรจากันได้อีกทั้ง และเศรษฐกิจสหรัฐ ยังขยายตัวต่อได้ จากก่อนหน้านี้ตลาด เกิดใหม่ถูกขายออกมามาก
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยหลังจากขยับขึ้น มารอบนี้ เบื้องต้นมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,750-1,800 จุด ซึ่ง เป็นระดับที่เป็นไปได้ ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็ง ซึ่งเรายังคงมอง การเติบโตของจีดีพีปีนี้สอดคล้องกับ ที่ภาครัฐประกาศไว้ และกำลังเดินหน้า เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ดังนั้นตลาด ก็ยังน่าจะรักษาโมเมนตัมต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ยังคงมีปัจจัยความกังวลสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีนที่มากระทบได้อยู่ แม้จะเป็นในทางบวกมากขึ้น ซึ่งถ้าหาก ไม่เป็นไปตามที่คาด ก็มีโอกาสทำให้ตลาดปรับตัวลงมาอีกก็ได้
Source: กรุงเทพธุรกิจ
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman