จากการวิเคราะห์ของนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ในบทสัมภาษณ์กับ ประชาชาติธุรกิจ, เขาได้กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศภายใต้ผลกระทบจากการเลือกตั้งของ โดนัลด์ ทรัมป์ และมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งแนวโน้มในช่วงไตรมาส 3 และ 4/2567 ของตลาดหุ้นไทย:
ข้อมูลล่าสุด (9 พ.ย. 67) ราคาของบิตคอยน์ (BTC) ขยับขึ้น 0.66% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 76,470 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,616,419.91 บาท อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงในช่วง 7 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 9.93% แสดงให้เห็นถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดคริปโต
ในสัปดาห์หน้า (11-15 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.60-34.50 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลกระทบทั้งในและต่างประเทศ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินบาทมีความผันผวน โดยเริ่มแข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวของราคาทองคำในตลาดโลก
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะดัชนี S&P500 ที่เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ในระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากปัจจัยหนุนด้านการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,988.99 จุด เพิ่มขึ้น 259.65 จุด (+0.59%) ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,995.54 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (8 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 พ.ย.) ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย
"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"