บรรดาประเทศเกิดใหม่ ในเอเชียและรัฐบาลเผด็จการที่กำลังมีเรื่องขัดแย้งกับสหรัฐ ต่างเร่งกักตุนทองคำเพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ประเทศเหล่านี้หวังว่า จะป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวกับแนวโน้มที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์
ทรัมป์ของสหรัฐอาจใช้ มาตรการทางการทูตที่แข็งกร้าวมากขึ้นก่อนถึง การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้
ทองคำถือเป็น "เงินตราไร้พรมแดน" ที่ สามารถแปลงเป็นรูปเงินของประเทศใดก็ได้ และยังเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง
ปัจจุบัน หลายประเทศกำลังขายเงินดอลลาร์ แลกกับทองคำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อมาตรการทางการทูตที่คาดเดาไม่ได้ของทรัมป์
ในเอเชีย บรรดาประเทศแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียกลาง เดินหน้าเพิ่มการถือครองทองคำของตน มาโดยตลอด อย่างฟิลิปปินส์ถือครองทองคำ 196.4 ตันนับถึงสิ้นเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2553 ขณะที่การถือครองทองคำของ อินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน มาอยู่ที่ 80.6 ตัน
นับตั้งแต่เกิดวิกฤติค่าเงินในเอเชียเมื่อ ปี 2540 หลายประเทศในภูมิภาคต่างพยายามลดสัดส่วนเงินดอลลาร์ในสินทรัพย์ทางการเงิน ของตน ขณะที่ทองคำกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ดอลลาร์ที่ประเทศเหล่านี้เพิ่มการถึงครองในช่วงเวลาดังกล่าว
อิตสึโอะ โตชิมะ นักวิเคราะห์ตลาดมองว่า ปัจจัยมาจากความกังวลระหว่างประเทศ ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่อาจตามมาจากการ ลดอัตราภาษีของทรัมป์
"ปัจจุบัน เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีมาก เนื่องจากผลกระทบเชิงบวก จากการลดภาษี แต่สหรัฐก็อาจเผชิญกับ ผลลัพธ์เชิงลบของมาตรการเหล่านี้ได้เช่นกัน"
โตชิมะ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอาจถูกบีบ ให้ต้องเพิ่มเพดานการออกตราสารหนี้ เนื่องจากสถานะทางการคลังที่ย่ำแย่ และ จะยิ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลเลวร้าย และความเสี่ยง ของความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์
รัฐบาลและตลาดต่างๆ ทั่วโลกกำลังกังวล เกี่ยวกับนโยบายปกป้องการค้าของทรัมป์ ซึ่งส่งผล ให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โตชิมะคาดการณ์ว่า บรรดาประเทศตลาดเกิดใหม่เอเชียจะยังคงซื้อทองคำต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
ประเทศที่มีความสัมพันธ์มึนตึงกับ รัฐบาลทรัมป์ ซึ่งประกาศวาระนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ต่างกำลังซื้อทองคำมา กักตุนเพิ่มขึ้น สภาทองคำโลก (ดับเบิลยูจีซี) ระบุว่า ในอิหร่าน การซื้อทองคำของผู้บริโภค รายบุคคลก็เพิ่มสูงขึ้น โดยยอดขายของทองคำแท่งและเหรียญทองคำในประเทศช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 24.5 ตัน
โดยเฉพาะเหรียญทองคำที่ออกโดยรัฐบาลได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ ผู้บริโภคอิหร่าน นับตั้งแต่เหรียญเหล่านี้ได้รับ การยกเว้นเก็บภาษีทองคำ ทำให้ราคาจำหน่าย เหรียญทองคำต่ำกว่าราคาในตลาด และเหรียญพันธบัตรทองคำเป็นแหล่งรายได้โดยตรงสำหรับรัฐบาลด้วย
เมื่อเดือนพ.ค. ทรัมป์ได้ถอนตัวจาก ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่ลงนามกัน 7 ประเทศ เมื่อปี 2558 และเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจบางส่วน ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันมีแผนที่จะ บังคับใช้ใหม่กับอิหร่าน 2 ช่วง
นอกจากนั้น รัฐบาลทรัมป์จะฟื้นมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นมาใช้น้ำมันและการทำ ธุรกรรมกับธนาคารกลางอิหร่าน โดยพุ่งเป้า สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอิหร่าน
ทากาชิ ฮายาชิดะ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทอิลิเมนต์ส แคปิตัล กล่าวว่า ชาวอิหร่านอาจกำลังพยายาม ที่จะปกป้องสินทรัพย์ของตนด้วยการยกเลิก บัญชีธนาคารที่ใช้เงินดอลลาร์และหันไปซื้อทองคำ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว จะทำให้ธนาคารสหรัฐทำธุรกรรมกับอิหร่านได้อย่างจำกัด
ในรัสเซียซึ่งตกเป็นเป้าการคว่ำบาตรทาง เศรษฐกิจของสหรัฐด้วยนั้น ธนาคารกลาง ได้กระตุ้นการถือครองทองคำเช่นกัน ปัจจุบัน ธนาคารกลางรัสเซียถือครองทองคำ 1,944 ตัน นับถึงสิ้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 105 ตัน หรือประมาณ 6% นับตั้งแต่สิ้นปี 2560 ขณะนี้ รัสเซียถือครองทองคำมากที่สุดอันดับ 5 เทียบกับธนาคารกลางทั่วโลก
ราคาทองคำในตลาดระหว่างประเทศลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ราคาทองคำร่วงจากกว่า 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเริ่มต้นปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นับถึงสิ้นเดือนมิ.ย.
บรรดานักเก็งกำไรต่างขายทองคำที่มี สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) ในตลาด ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงฉับพลัน และ สร้างโอกาสสำคัญสำหรับธนาคารกลางรัสเซีย ในการซื้อทองคำมากักตุน
เห็นได้ชัดว่า รัฐบาลมอสโกกำลังหาทางป้องกันประเทศจากผลกระทบทางเศรษฐกิจใดๆ ก็ตามที่เกิดจากความสัมพันธ์อันย่ำแย่กับรัฐบาลวอชิงตัน ด้วยการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และเพิ่มสัดส่วนทองคำใน เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของตน
บางประเทศที่วุ่นอยู่กับสงครามการทูต กับสหรัฐ กำลังพยายามฝ่าฟันวิกฤติทางเศรษฐกิจด้วยการขายสินทรัพย์ทองคำ ทั้งในภาครัฐและเอกชน
โตชิมะ ระบุว่า การที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ ที่มีสภาพคล่องสูง ทำให้สามารถแปลงเป็น เงินสดได้อย่างรวดเร็ว และบางครั้งยังเปรียบเสมือนกับตู้เอทีเอ็ม
ประเทศที่อยู่ในเป้าหมายคว่ำบาตรของสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะมองทองคำเป็นวิธีที่สะดวกในการเตรียมตัวรับมือความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากข้อขัดแย้งกับสหรัฐ อย่างในตุรกีซึ่งขณะนี้เผชิญกับแนวโน้มค่าเงินร่วงหนักนั้น ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์ดวนได้เรียกร้องให้ประชาชนขายทองคำเพื่อหนุนค่าเงิน ที่ร่วงหนักของประเทศ
จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เออร์ดวน เรียกร้องให้ชาวตุรกีหันไปซื้อทองคำ ซึ่งสามารถแปลงเป็นเงินสดได้ง่ายและใช้เป็นเงินตราสำรองได้ด้วย
Source: กรุงเทพธุรกิจ
- Emerging countries snap up gold to cut dollar dependence
https://asia.nikkei.com/Economy/Emerging-countries-snap-up-gold-to-cut-dollar-dependence2
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman