เคยนับไหม ปีๆนึงเราพูดคำว่า “รถโคตรติด” กี่ครั้ง ถ้าพูดแล้วได้เงิน ป่านนี้ก็เป็นเศรษฐีกันทั้งเมืองแล้ว

แล้วกรุงเทพมหานครนี่ไม่ใช่รถติดเด็กๆนะ ปีนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่รถติดที่สุดในเอเชียแล้ว!! สาเหตุของปัญหาคือรถยนต์มันมีเยอะกว่าถนน รถยนต์ในกรุงเทพตอนนี้เกือบจะทะลุ10ล้านคันแล้ว และเยอะกว่าถนนจะรองรับได้ถึง 4.4 เท่า

พอคิดได้แบบนี้เราหันมาควบมอเตอร์ไซค์ไปทำงานกันเถอะ แต่แล้วเราก็พบต่อว่าปริมาณมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนสูงมากผิดปรกติอีก ไม่แปลกเลยที่เราทั้งหลาย ร้อยละร้อย เฝ้ารอภาวนาขอให้ปัญหานี้หมดไป พรุ่งนี้ขอตื่นแปดโมงแล้วเข้างานทันแปดโมงครึ่งทีเถิด เพี้ยง งั้นลองมาดู ทั้งโลกนี้พอมีใครคิดอยากจะแก้ปัญหานี้กันบ้างไหม

1.บินไปเลย

เอาจริงๆมันต้องมีสักครั้งในชีวิตมั่งหละ นั่งอยู่บนรถติดๆแล้วก็กำลังจะไปสายทั้งๆที่มีนัดหมายสำคัญเสียด้วย และมีบริษัทคิดแบบนี้จริงๆครับ เจ้าที่ดังที่สุดคือเป็น UBER ที่บอกว่าภายใน5ปีนี้จะให้บริการโดรนสี่ที่นั่ง(จะได้แชร์ราคาและความเสียวกันได้)ด้วยราคาเท่ากับ UBER X โดยโดรนรุ่นนี้อยากจะบินที่ความสูง 600 เมตรด้วยความเร็ว สองร้อยสี่สิบกิ โล เมตร ต่อ ชั่ว โมงงง โดยเริ่มแรก UBER คิดว่าจะให้บริการแบบมีคนขับ ก่อนจะทยอยพัฒนาไปถึงจุดที่ให้บริการโดรนไร้คนขับได้ ส่วนจุดขึ้นลง UBER ก็คิดว่าจะออกแบบ Skyports เอาไว้บนตึกสูง ซึ่งงานนี้ UBER ไม่ได้มาเล่นๆ มีทำโปรเจคร่วมกับ NASA (องค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐ) เพื่อออกแบบระบบสัญจรทางอากาศร่วมกัน นอกจาก UBER แล้ว Airbus ก็ผันตัวเองมาพัฒนาด้านนี้เหมือนกัน โดยเริ่มพัฒนามาแล้ว2ปี คาดว่าพอทำเสร็จค่าบริการจะไม่ต่างจากนั่งรถยนต์หรือรถไฟเลย แต่ถ้าพูดถึงสองเจ้าแรก แผนดี เป้าหมายชัด แต่เริ่มทำจริงมันอีกเรื่อง ถ้าเอาแบบ บินจริง ตายจริง เจ็บจริง ต้องยกให้พี่จีน 亿航184 (Ehang 184) ที่สร้างโดรนไร้คนขับที่ลองเทสบินมาแล้วทุกสถานการณ์ เช่นที่ความสูง 300 เมตร มีการเทสบินฝ่าไต้ฝุ่นระดับ7 บินกลางคืน เทคออฟแนวดิ่ง

2.อยู่บ้านสิ!

คืออันนี้ไม่ได้กวน ตอนนี้มันเป็นยุคที่ E-commerce เติบโต การที่เราซื้อของให้มาส่งที่บ้านก็เป็นการลดจำนวนคนบนถนนได้เช่นกัน อย่างมุมมองของ Amazon และ Alibaba ที่ตั้งแต่ปี 2017 ก็เริ่มให้บริการแบบร้านค้าที่มีตัวตนจริงมากขึ้น เพราะหัวใจของ E-commerce คือศูนย์กระจายสินค้า แล้วศูนย์กระจายสินค้ามันต้องใช้พื้นที่เยอะ เลยมีไอเดียว่า งั้นเปิด Supermarket กลางเมือง แล้วเอา Supermarket นี้ทำตัวเป็นศูนย์กระจายสินค้าเสียเลย ได้แบบนี้ จึงเกิดบริการ “ของสดเดลิเวอรี่” ส่งมาถึงหน้าบ้านเราภายในไม่เกินสองชั่วโมง ส่วนบริการส่งอาหารอื่นๆก็กำลังได้รับความนิยม เพราะทำให้เราไม่ต้องเดินทาง ในอนาคตอาจจะมีของอย่างอื่นอีกที่สามารถ Delivery มาหาเราแทนที่เราต้องออกไปข้างนอกได้ เช่น Uber เจ้าเดิม ในช่วงวันไหว้พระจันทร์ที่สิงค์โปร์ ก็ออกบริการ Uber Lion Dance นำส่งคณะหุ่นเชิดสิงโตส่งตรงถึงออฟฟิศเราได้เลย ไม่ต้องยกพวกกันนั่งแท็กซี่ออกไป

3.ยังไงก็จะออก ช่วยทำถนนให้มัน “สมาร์ท” ขึ้น

เราก็รอแหละครับ อย่างที่ใครๆก็รู้ คุณ Elon Musk แกก็คิดโปรเจคขุดอุโมงค์ใต้ดิน เราแค่เอารถไปจอดเหนือลิฟท์ที่เขาเตรียมไว้ ลิฟท์ตัวนี้ก็จะลดระดับไปสู่อุโมงค์นำทั้งเราทั้งรถไปยังปลายทางแล้วก็โผล่ขึ้นมา แค่นี้เราก็สามารถมุดผ่านการจราจรติดขัดเหนือหัวได้ แต่ถ้าจะเอาที่คิดจริงทำจริงต้องยกตัวอย่างพี่จีนอีกรอบ Transit Elevated Bus (TEB) คือรถเมล์ขนาดใหญ่ที่สามารถให้รถยนต์ลอดใต้ท้องรถได้ รถหนึ่งคันออกแบบมาให้จุคนได้ 300 คน วิ่งที่ความเร็ว 60 กม/ชม. ใช้ทุนก่อสร้างถูกกว่ารถไฟใต้ดินถึง 1ใน10 ด้วยความกว้าง 2.2 เมตร

ปัญหาคือโครงการนี้ล้มเหลวตั้งแต่ลองวิ่งครั้งแรก เนื่องจากตัวรถที่ใหญ่เกินไปที่จะเลี้ยวโค้งได้ จึงสามารถวิ่งได้แต่ทางตรง ซึ่งถนนในเมืองจีน ตรงๆยาวๆในเมืองที่รถติดก็ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ โครงสร้างก็ยังเป็นที่สงสัยเรื่องความปลอดภัย ส่วนรถที่วิ่งข้างล่างตัวรถTEB ก็ดูงงๆที่จะขับผ่านและชนกับรถภายนอก และตัวรถก็สูงเกินกว่าจะมาวิ่งได้ทั่วไปเนื่องจากมันอาจจะชนกับขอบสะพานลอยหรืออะไรก็ตามที่มันลอดผ่านไม่ได้

สุดท้ายเอาที่มีความเป็นไปได้สุดถ้าต้องออกไปข้างนอกจริงๆคงเป็นรถไร้คนขับ ซึ่ง Waymo ของ Google เพิ่งประกาศตัวเองว่าพวกเขาได้มาถึงจุดที่รถไร้คนขับจริงๆแล้ว คือไม่ต้องมีคนนั่งอยู่บนพวกมาลัยจริงๆ โดย Waymo เทรน AI ด้วย Deep Learning โดยให้มี Perception สามารถสำรวจสิ่งของรอบๆตัวได้ด้วยตัวเอง และ Prediction คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า บริษัทอ้างว่าเทรน AI หนักมาก เอาออกมาวิ่งจริงๆบนถนนถึง เก้าล้านแปดแสนกิโลเมตรแล้ว! ด้วยอัตรานี้ AI เจอสิ่งแปลกปลอมบนถนนเยอะมาก คือเอาแค่แยกว่าวัตถุนี้คือคนเดินเท้าก็แย่แล้ว บางทีคนหลบอยู่หลังเสาบ้างหละ หรือถึงขั้นเจอคนแต่งชุดไดโนเสาร์ออกมาเดินนอกบ้านก็มีมาแล้ว เรื่องยากถัดไปคือ Waymo ยังต้องเรียนรู้ว่าคนไม่ได้อยู่ในกฏตลอดเวลา Waymo เคยเจอรถฝ่าไฟแดงจนต้องเบรคตัวโก่งมาแล้ว วิ่งกลางหิมะซึ่งLIDARบนหลังคาจะเจอกับ Noise จนมองไม่เห็นวัตถุก็ผ่านมาได้ สุดท้ายปีนี้ 2018 คือปีที่ Waymo พร้อมจะให้บริการจริงๆในเร็วๆนี้แล้ว แล้วไม่ได้ให้บริการเฉพาะ taxi ด้วย เพราะwaymo นับตัวเองเป็นAIขับรถ จึงนับรถขนส่งและรถประเภทอื่นด้วย

4.แล้ววิธีแก้ปัญหาที่ใช้อยู่ตอนนี้ไม่ได้เรื่องเหรอทำไมต้องพึ่งเทคโนโลยี?

รัฐบาลทั่วโลกชอบสร้างถนนมากกว่ารถสาธารณะ เพราะว่าผลระยะสั้นจับต้องได้ ได้ผลงาน แต่ในความเป็นจริง จะการศึกษาหรือจะดูด้วยตา ยิ่งขยายถนนเยอะขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีปริมาณรถหลั่งไหลเข้ามาใช้ถนนมากขึ้นเท่านั้น จำนวนถนนถึงไม่เคยพอกับความต้องการเสียที แล้วเพราะทางการเมือง บางประเทศ คนขับรถสามารถเอาเงินไปรถหย่อนภาษีได้เสียด้วย

5.แล้วทำไมรถไร้คนขับถึงแก้ปัญหาจราจรได้ล่ะ?

ไม่ต้องใช้ไฟแดง คือป้ายจราจรมันมีไว้ให้คนดู ถ้ารถทั้งถนนไร้คนขับ รถสามารถพุ่งมาจากทุกทิศทุกทางมาเจอกันกลางสี่แยกโดยไม่ต้องลดความเร็ว และไม่ชนกันได้

แล้วก็ไม่ต้องมีทางม้าลาย ทางม้าลายมีไว้ให้คนขับชะลอให้คนข้าม ถ้าเป็นหุ่นยนต์ขับ มันบอกได้เองว่ากำลังจะมีคนข้ามทางม้าลาย

แล้วก็ไม่ต้องมีกฎจราจร เพราะไม่รู้จะล็อคล้อใคร แล้วเอไอมันก็ไม่ทำผิดกฎหมายด้วย

ปัญหาการจราจรบางส่วนเกิดจากคนขับรถแต่ละคนความเร็วไม่เท่ากัน บางคนขับรถช้าเกินไปก็จะต้องใช้เวลาบนถนนเยอะกว่ารถคันอื่น ถ้ารถทั้งหมดเป็นรถไร้คนขับปัญหาดังกล่าวก็หมดไป

ไม่ต้องเป็นเจ้าของรถ อย่างในกรุงเทพ รถยนต์ส่วนบุคคลไม่นับรถกระบะมี 4ล้านคัน แต่รถเมล์มีเพียงแค่4หมื่นคัน คิดแล้วเป็นเพียง 1% เท่านั้น แล้วรถทั้ง4ล้านคัน จอดมากกว่าวิ่ง ถ้าวันไหนที่รถขับด้วยตัวเองได้ รถสี่ล้านคันนี้จะออกไปจากระบบ เราไม่มีความจำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถ

แล้วพอได้แบบนี้โมเดลมันจะเหมือนเส้นเลือดที่วิ่งไปตามร่างกาย วิ่งไปเรือ่ยๆไม่ต้องหยุด รถจึงไม่มีทางติด
แต่ก็มีคนเห็นแย้งเหมือนกัน ถ้ารถไร้คนขับนำมาใช้ได้จริง คนก็จะเลิกนั่งรถบัสและรถไฟ ซึ่งก็ทำให้การจราจรไปแออัดเหมือนเดิม และรถไฟและรถบัสก็จะได้เงินอุดหนุนน้อยลง มีบางการศึกษา (ซึ่งไม่รู้ว่าศึกษายังไง) รายงานว่าแม้จะมีรถไร้คนขับ75%ของถนน มันก็ช่วยการจราจรได้น้อยมาก อีกอย่างนึง อันนี้ผมเห็นส่วนตัว ส่วนมากคนจะใช้รถจริงๆก็แค่ตอนเช้าและตอนเย็นหลังเลิกงานนั่นแหละ จะต้องมีรถจำนวนมากเท่าไหร่ถึงจะส่งคนทั้งหมดกลับบ้านได้ ผมว่าถ้าจะได้ผล เราต้องยอมแชร์รถกับคนที่เราไม่รู้จักแต่ไปทางเดียวกันเท่านั้น

ซึ่งทั้งหมดข้างต้นเป็นแค่แนวคิด เราก็ไม่รู้ว่าถ้ารถไร้คนขับออกมาจริงๆจะเป็นเช่นไร พรุ่งนี้จึงต้องตื่นตีสี่ไปทำงานเหมือนเดิม

มีความเห็นยังไงกับการแก้ปัญหาจราจรมั่งครับ?

บอม

คลิก

Cr.DinoTech5.0

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"