“ปี 2019 จุดเปลี่ยน อนาคตเงินปอนด์สเตอร์ลิงค์ของอังกฤษ”

... ในวันที่ 29 มีนาคม ปี 2019 จะเป็นปีที่ “อังกฤษ” ออกจากอียู อย่างเป็นทางการ ช่วงนี้จึงมีการประชุมระหว่างฝ่ายอังกฤษและอียูอย่างเข้มข้นเพื่อความชัดเจนในรายละเอียด

ขณะที่ช่วงนี้เองราคาค่าเงินของปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษเมื่อเทียบกับเงินยูโรและดอลล่าร์ก็ลดค่าต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในสถานการณ์รอยต่อเปลี่ยนถ่ายนี้ โดยเงินปอนด์มีค่าเป็น 1.297 ดอลล่าร์ต่ำมากในรอบปี และลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับเงินยูโร

... กระแสความผันผวนของเงินปอนด์ดังกล่าวทำให้เกิดกระแสเงินเฟ้อของเงินปอนด์อย่างช้าๆ ที่นักวิเคราะห์บอกว่าอาจจะทำให้ธนาคารอังกฤษ BOE จะแก้ปัญหาโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ เพราะพวกมหาอำนาจเขาไม่ยอมให้ค่าเงินตกต่ำเป็นเวลานาน เพราะการให้ทำให้เงินของเขาเป็นสกุลเงินในโลก และทุนสำรองเงินตรานั้นสำคัญมากๆในระบบเงินกระดาษเฟียต โดยในตอนนี้เงินปอนด์เป็นสกุลเงินอันดับสี่ในตะกร้าเงิน SDR ของ ไอเอ็มเอฟ และเป็นเงินอันดับสามในทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของโลกหรือ Reserve Currency

... แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษก็จะยิ่งตกย้ำเศรษฐกิจที่ตกต่ำของอังกฤษที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ตั้งแต่การประกาศจะออกจากอียู ให้ย่ำแย่ลงไปอีก

... “เงินปอนด์สเตอริงค์” ที่แปลว่า “น้ำหนักของเหรียญสเตอริง” มาจากคำว่า Pound (of) Stering , Pound มาจากภาษาละตินแปลว่า “น้ำหนัก” ส่วนคำว่า “Stering” เป็นชื่อเรียกเหรียญเงินซิลเว่อร์ ของเงินเพนนี่ ในสมัยช่วงอาณาจักรแอกโกลแซกซ่อน ราวปี 757 – 796 ที่ 240 เพนนี่มีค่าเท่ากับ 1 ปอนด์ , ที่เป็นเงินสกุลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีการใช้สอยยาวมาจนถึงปัจจุบัน และช่วงที่อังกฤษเป็นนักล่าอาณานิคมแข่งกับฝรั่งเศส โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 19 พวกเขาก็ได้มีการนำไปใช้ให้อาณานิคมต้องใช้เงินปอนด์ของอังกฤษ คู่ขนานไปกับสกุลเงินท้องถิ่นด้วยเช่นกัน บางที่ก็ใช้เงินปอนด์เป็นเงินประจำชาติ เช่นที่ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ไซปรัส ฟิจิ ไอริช บาร์บาโดส อาฟริกาใต้ โรดีเซีย

... Sterling circulated in much of the British Empire. In some parts, it was used alongside local currencies. For example, the gold sovereign was legal tender in Canada despite the use of the Canadian dollar. Several colonies and dominions adopted the pound as their own currency. These included Australia, Barbados,[30] British West Africa, Cyprus, Fiji, British India, the Irish Free State, Jamaica, New Zealand, South Africa and Southern Rhodesia.

... ในปี 1707 ปีที่ “อังกฤษ” ได้รวมกับ “สก๊อตแลนด์” นั้น สก็อตก็ต้องใช้เงินปอนด์ของอังกฤษด้วยเช่นกัน และในปี 1801 อังกฤษสามารถรวมประเทศกับ “ไอร์แลนด์” ทำให้ต่อมาในปี 1826 มีการเริ่มใช้เงินปอนด์สเตอริงในไอร์แลนด์ แต่ชาวไอร์แลนด์ก็ยังคงใช้ “เงินปอนด์ไอร์แลนด์” ของตัวเองเช่นกัน คู่ขนานกันไป จนมาถึงปี 1991 ที่ไอร์แลนด์เพิ่งจะเลิกใช้เงินปอนด์ แล้วหันมาใช้ “เงินยูโร” ของยุโรปเอง ขณะที่สก็อตแลนด์พยายามจะแยกตัวออกจากอังกฤษ แต่อังกฤษพยายามขัดขวางทุกทาง ทั้งโดยเพราะเหตุของการใช้สกุลปอนด์และแหล่งน้ำมันทางตอนเหนือของประเทศ ที่อังกฤษไม่ยอมปล่อยสก็อตแลนด์แยกออกเป็นเอกราชจากตน

... ช่วง “สงครามโลกครั้งที่ 1” ในปี 1914 ประเทศต่างๆในตะวันตกได้มีการหยุดการใช้เงินระบบมาตรฐานทองคำในการค้ำการผลิตพิมพ์เงิน เพราะยามสงครามทองคำขาดแคลน ทำให้เงินกระดาษได้รับการพิมพ์แบบไร้ทองคำที่เสี่ยงต่อการเกิดเงินเฟ้ออย่างมาก และเป็นธนบัตรของอังกฤษที่ได้รับการยอมรับมากกว่าใครเพื่อน เพราะถือว่าเป็นประเทศที่เศรษฐกิจดีที่สุดในขณะนั้น และเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากถึง 40% ของทั่วโลก เงินปอนด์จึงมีค่าและทั่วโลกยอมรับมาก และหลังสงครามในปี 1925 พยายามจะรื้อฟื้นระบบทองคำอีกครั้งแค่ระยะสั้นๆถึงปี 1931 แต่มาเกิดเหตุวิกฤติวิกฤติเศรษฐกิจโลก ในปี 1929-1930 เสียก่อน ทำให้เงินปอนด์ต้องตกต่ำและค่าตกลงราว 25%

... จากนั้นในปี 1940 “อเมริกากับอังกฤษ” ก็ได้เจรจาตกลงกันที่จะผูกค่าเงินปอนด์กับดอลล่าร์ที่มูลค่า 1 ปอนด์ เท่ากับ 4.03 ดอลล่าร์ ในปี 1944 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจบลงหนึ่งปี ที่เกิดการอิงเงินดอลล่าร์กับทองคำที่เบรนตันวู้ด เงินปอนด์สเตอริงของอังกฤษ ก็ลดบทบาทลง และตามมาด้วยหลัง “สงครามโลกครั้งที่สอง” ผ่านมาสี่ปีในปี 1949 ค่าเงินปอนด์ก็ตกลงลงอีกกว่า 30.5% มาอยู่ที่ระดับ 1 หนึ่งปอนด์ต่อ $2.80 ดอลล่าร์ และทำให้เงินหลายสกุลตกต่ำตามเงินปอนด์ด้วยและทำให้เงินดอลล่าร์เพิ่มค่าแข็งขึ้นเรื่อยๆและเป็นสกุลเงินหลักของโลกแทนเงินปอนด์ ที่เป็นพระรองของเงินดอลล่าร์อเมริกา และตามมาด้วยเงินยูโรและเยน จนถึงปัจจุบัน

... ยิ่งกว่านั้นช่วงระหว่างปี 1939 – 1945 นาซีเยอรมันมี “ปฏิบัติการ Bernhard “ ที่เป็นการผลิตเงินปอนด์ ”ธนบัตรปลอม” ของอังกฤษ จำนวน 30 ล้านปอนด์ ทั้งใบละ 5, 10, 20, 50 โดยปล่อยโปรยทั่วทั้งประเทศอังกฤษ เพื่อหวังสร้างความวุ่นวายและปั่นป่วนไปทั่วประเทศทั้งวงการเงิน และเศรษฐกิจของอังกฤษ ที่ก็ได้ผลซ้ำเติมระบบการเงินและเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างหนัก

... และช่วงปี 1961, 1964, 1966 เงินปอนด์ก็มีเหตุให้ตกต่ำลงอีก และตามมาด้วยปี 1973 ที่อเมริกาบีบให้การซื้อขายน้ำมันต้องผ่านเงินดอลล่าร์ หรือ “เปโตรดอลล่าร์” เงินปอนด์ถูกมองว่าค่าสูงเงินจริง จึงมีการเทขายออกไปมากในตลาดและวอลล์สตรีทเจอร์นอล ได้ออกบทความที่เขียนว่า “ลาก่อน จักรวรรดิอังกฤษ ดีใจที่ผ่านมาได้รู้จักคุณ” "goodbye, Great Britain. It was nice knowing you" จากการที่บทบาทของเงินปอนด์ต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

... In 1940, an agreement with the US pegged the pound to the U.S. dollar at a rate of £1 = $4.03 , on 19 September 1949 the government devalued the pound by 30.5% to $2.80.[37] The move prompted several other currencies to be devalued against the dollar

... Operation Bernhard was the codename of a secret Nazi plan devised during the Second World War by the RSHA and the SS to destabilise the British economy via economic warfare by flooding the global economy and the British Empire with forged Bank of England £5, £10, £20, and £50 notes.

https://en.wikipedia.org/wiki/Pound_sterling 
https://www.thedailybeast.com/on-the-trail-of-nazi-counterfeiters 
คลิก
http://currencyinformation.org/history-of-the-british-pound 
คลิก

Jeerachart Jongsomchai / หมี CNN

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"