ดาวโจนส์ปิดร่วง 626.15 จุด วิตกเศรษฐกิจถดถอย-จับตาจ้างงานสหรัฐฯ

ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงอย่างหนักในวันอังคารที่ 3 กันยายน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจและคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

โดยมีการรอคอยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่คาดว่าจะประกาศในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินนโยบายของเฟด

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,936.93 จุด ลดลง 626.15 จุด หรือ -1.51%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,528.93 จุด ลดลง 119.47 จุด หรือ -2.12%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,136.30 จุด ลดลง 577.33 จุด หรือ -3.26%

ในวันอังคารที่ 3 กันยายน ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยเป็นการลดลงที่มากที่สุดในวันเดียวตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากรายงานแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงหดตัวต่อเนื่อง

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) รายงานว่าดัชนีภาคการผลิตเดือนสิงหาคมปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาที่ 47.2 จากระดับ 46.8 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 อย่างไรก็ตาม ดัชนีนี้ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 47.5 โดยดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว และนี่เป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

ข้อมูลจาก S&P Global ยืนยันเช่นเดียวกันว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมลดลงสู่ระดับ 47.9 จาก 49.6 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งยังต่ำกว่าระดับ 50 และบ่งชี้ว่าภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ดัชนีความกลัว" ของนักลงทุน พุ่งขึ้น 33.2% ปิดที่ระดับ 20.72 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม

นักลงทุนจับตามองการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.2% จาก 4.3% ในเดือนกรกฎาคม

ในส่วนของตลาดหุ้น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีมูลค่าตลาดสูง หรือที่เรียกว่า “Magnificent Seven” ลดลงอย่างหนัก นำโดย Nvidia ที่ร่วงลงเกือบ 10% ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงถึง 2.79 แสนล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 2.65 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการลดลงที่มากที่สุดในวันเดียวในประวัติศาสตร์ของ Nvidia

นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มอื่น ๆ อย่าง Microsoft, Apple, Alphabet, Amazon, Meta Platforms และ Tesla ต่างก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน

หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ร่วงลง 7.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Wells Fargo ปรับลดความน่าลงทุนของหุ้นโบอิ้งลงสู่ระดับ "Underweight" จาก "Equalweight"

ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นเดือนที่มักจะมีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่เป็นพิเศษ โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงเฉลี่ย 2.3% ในเดือนกันยายน และนักลงทุนมักเทขายหุ้นออกมาในเดือนกันยายนและตุลาคม ก่อนที่จะกลับเข้าซื้อในไตรมาส 4

คลิก

Cr.สำนักข่าวอินโฟเควสท์

----------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"