นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์ลิเบอเรเตอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสฟื้นตัวตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากที่ดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ของสหรัฐซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ออกมาทรงตัวดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยสนับสนุนความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกลับมาให้ความสำคัญกับปัจจัยภายในประเทศมากขึ้น หลังจากที่แรงกดดันจากการปรับน้ำหนักในดัชนี MSCI (MSCI Rebalancing) ลดลง ซึ่งการปรับพอร์ตครั้งนี้มีมูลค่าถึง 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และการแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ในระยะถัดไป
แนวรับของตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ที่ 1,350 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,373 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุนที่สำคัญสำหรับวันนี้มีหลายด้าน เริ่มจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวก โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.55%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.01%, และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.13% สะท้อนถึงแนวโน้มบวกในตลาดหุ้นสหรัฐ
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.97% แต่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนและดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปรับตัวลดลง
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ล่าสุดปิดที่ 1,359.07 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.12% โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 60,077.16 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 3,153.92 ล้านบาท
ปัจจัยที่น่าจับตามองเพิ่มเติมคือราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 3.11% และค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์ที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้เงินบาทเปิดตลาดที่ 34.07 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค
ด้านในประเทศ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกภายใต้การนำของแพทองธารจะพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต และการเยียวยาน้ำท่วม ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็ติดตามนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยมีความหวังว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูกำลังซื้อในภูมิภาค
ในมุมของการแก้ไขหนี้ครัวเรือน ธนาคารต่างๆ กำลังเร่งหารือแนวทางการแก้ไขหนี้ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ปรับเกณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น
สุดท้ายนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติที่เริ่มส่งสัญญาณบวก โดยนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจปรับตัวขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,400-1,450 จุดในช่วงสิ้นปีนี้ จากปัจจัยบวกหลายประการ ทั้งการฟื้นตัวของ GDP การไหลกลับของฟันด์โฟลว์ และการคลี่คลายของสถานการณ์การเมือง
หุ้นเด่นวันนี้ที่แนะนำจากโบรกเกอร์มีดังนี้:
-
BCP (เมย์แบงก์)
- ราคาเป้าหมาย: 62.00 บาท
- ปัจจัยเด่น: กำไรเติบโตจาก SAF (Sustainable Aviation Fuel) และ GRM (Gross Refining Margin) โดยคาดว่า SAF จะสร้างกำไร 2.6-4.1 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2568-2570 เนื่องจากการผลักดันให้สายการบินลดการปล่อยคาร์บอน กำไรครึ่งหลังของปี 2567 คาดว่าจะฟื้นตัวตาม GRM ที่ดีขึ้นจากปัจจัยฤดูกาลและราคาน้ำมันดิบที่ลดลง นอกจากนี้ BCP ยังมี Valuation ที่ถูกมาก และมีโอกาสได้รับการเลือกเป็นเป้าหมายการลงทุนของวายุภักษ์ใหม่
-
CPALL (กสิกรไทย)
- ราคาเป้าหมาย: 79.20 บาท
- ปัจจัยเด่น: การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังคงแข็งแกร่ง โดย SSSG เดือนกรกฎาคมเติบโตในเชิงบวก 2% นอกจากนี้ CPALL จะได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ อีกทั้งยังมี GPM (Gross Profit Margin) ที่แข็งแกร่งจากการปรับไปขายสินค้า high margin ส่งผลให้คาดการณ์การเติบโตในครึ่งหลังของปี 2567
-
GPSC (คิงส์ฟอร์ด)
- ราคาเป้าหมาย: 54.75 บาท (IAA Consensus)
- ปัจจัยเด่น: แนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/2567 คาดว่าจะฟื้นตัว QoQ โดยได้แรงหนุนจากการขายไฟฟ้าโรงไฟฟ้า XPCL ช่วงฤดูฝน และการลดค่าใช้จ่ายพิเศษในอินเดีย นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเข้าร่วมในโครงการพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 ของรัฐบาลในปลายปี และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2567 จะเติบโต 29% YoY
การเลือกหุ้นลงทุนในวันนี้ควรพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตของแต่ละบริษัทตามที่กล่าวถึง
Cr.สำนักข่าวอินโฟเควสท์
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo