หนี้เสียรถยนต์พุ่ง 20% เครดิตบูโรห่วงแนวโน้มเพิ่มขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโตต่ำ

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิต บูโร) เปิดเผยว่า จากฐานข้อมูลของเครดิต บูโร ณ สิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2566 มียอดสินเชื่อของสมาชิกเครดิตบูโรในระดับ 13.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ระดับ 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 1.03 ล้านล้านบาท
โดยแบ่งเป็นส่วนของ NPL สินเชื่อรถยนต์มีอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 20.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาเป็น 2.07 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนบัญชี 6.39 แสนบัญชี มาเป็น 6.94 บัญชี และส่วนของ NPL สินเชื่อบ้าน 1.81 แสนล้านบาท ลดลง 1.7% รวมถึง NPL สินเชื่อบัตรเครดิต 5.8 หมื่นล้านบาท ลดลง 9.6% สินเชื่อบุคคล 2.61 แสนล้านบาท ลดลง 0.8%
ทั้งนี้สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) หรือค้างชะรำ 1-3 เดือน อยู่ที่ 5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.05 แสนล้านบาท หรือ 21.4% เป็นส่วนของสินเชื่อบ้าน 1.36 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินเชื่อรถ 2.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% สินเชื่อเครดิตการ์ด 9.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% สินเชื่อบุคคล 8.6 หมื่นล้านบาท 17.7%
เมื่อรวม NPL และ SM แล้วจะอยู่ที่ระดับ 1.55 ล้านล้านบาท โดยอัตราการไหลกลับจาก SM กลับไปเป็นหนี้ NPL หรือ Migration rate ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยเปิดเผยนั้น Migration rate สินเชื่อบ้านอยู่ที่ 22% สินเชื่อรถ 12% สินเชื่อบุคคล 54% และสินเชื่อบัตรเครดิต 57%
นายสุรพล กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าหนี้ที่น่าเป็นห่วง คือ หนี้รถยนต์ที่มีหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของ NPL และ SM ขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้ของสินเชื่อรถยนต์เป็นที่เรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากอายุการใช้งานจำกัด ประมาณ 10 ปี ซึ่งหากมีการยืดหนี้ออกไปจะทำให้ไม่คุ้มกับค่าเสื่อมของอายุการใช้งานรถยนต์ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตในอัตราที่ต่ำ รายได้ยังไม่เพิ่ม ประกอบกับราคาน้ำมันที่ยังสูง แนวโน้มหนี้เสียของกลุ่มสินเชื่อรถยนต์จึงน่าจะเพิ่มขึ้น
ขณะที่ SM ของสินเชื่อบ้านที่สูงขึ้นนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นส่วนของบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าเป็นสินเชื่อของกลุ่มคนรายได้ปานกลางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่เชื่อว่าแนวโน้ม NPL ในระยะต่อไปจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่สูงถึงระดับก้าวกระโดด เนื่องจาก SM ที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงบางกลุ่ม ขณะเดียวกัน ทางธนาคารพาณิชย์ก็เร่งปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะหมดมาตรการช่วยเหลือทางการเงินหรือมาตรการฟ้า-ส้มที่จะหมดในสิ้นปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมียอดปรับโครงสร้างหนี้ทะลุ 1 ล้านล้านบาท
ผู้จัดการใหญ่ เครดิต บูโร กล่างอีกว่า ยังมีกลุ่มลูกหนี้สถานะบัญชี 21 หรือบัญชีหนี้เสียจากโควิด-19 ซึ่งจะหมดมาตรการผ่อนปรนของ ธปท. ในสิ้นปีนี้ โดย ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 มีจำนวน 5.1 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 2.3 ล้านบัญชีในช่วงต้นปี คิดเป็นจำนวนเงิน 3.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่อยู่ในระดับ 2 แสนล้านบาท โดยหนี้กลุ่มที่เพิ่มสูงสุดเป็นหนี้รถเพิ่มขึ้น 39.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหนี้สินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้น 9.1% และสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้น 11.3%
“สิ่งที่ต้องกังวลคือหนี้บัญชี 21 จำนวนเงิน 3.9 แสนล้านบาท หรือจำนวน 5 ล้านบัญชี เมื่อหมดมาตรการผ่อนปรนของ ธปท.แล้วจะทำอย่างไร เพราะไม่มีการต่ออายุมาตรการแล้ว ธนาคารพาณิชย์ยังคงต้องกันสำรองในระดับสูง มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้ลูกหนี้ในกลุ่มนี้ซึ่งเคยเป็นลูกหนี้เกรดเอมาก่อน จนกระทั่งเกิดโควิด อาจจะต้องกลับเข้าสู่สถานะหนี้ปกติได้ยากขึ้น หรือหากจะมีการขายออกไป หรือตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์มาดูแลจะเป็นการแก้ปัญหาให้กลุ่มเจ้าหนี้เท่านั้น ลูกหนี้จะต้องเผชิญปัญหาเดิมต่อไป ตรงนี้เป็นอีกจุดที่ควรมีความชัดเจนมากขึ้น”
Source: PPTV


Cr.Bank’s Scholarship Students

-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"