ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่มนุษย์จะหันไปขอคำปรึกษาจากหุ่นยนต์ แต่วันนี้ ในโลกของการเงิน มันกำลังเกิดขึ้นแล้วจริงๆ และกำลังขยายตัวอย่างน่าจับตามองอีกด้วย ในยุคที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารไม่ได้ตอบโจทย์การดำรงชีวิตอีกต่อไป
นี่คือยุคแห่งการมองหาการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด บนอัตราความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ซึ่ง Robo Advisor นั้น กำลังเข้ามาตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้
Robo Advisor ทำอะไรได้บ้าง ???
จินตนาการถึงยามที่คุณต้องการวางแผนทางการเงิน และต้องการลงทุน และคุณพยายามมองหาคำตอบเหล่านั้นให้กับชีวิตของคุณ ถ้าตามแบบแผนแนวทางเก่าๆ คุณอาจจะต้องหันหน้าไปหามาร์เก็ตติ้ง หรือผู้จัดการกองทุน หรือผู้ที่มีความสามารถในการวางแผนทางการเงิน ซึ่งในแนวทางเก่าๆ นั้น หลายๆ ครั้งมันไม่เคยประสบความสำเร็จ และยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงแฝงตามมาด้วย
Robo Advisor ได้เข้ามาตอบคำถามนั้นของคุณทั้งหมด มันสามารถรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของคุณ ผ่าน platform ที่ได้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี มันนำลักษณะนิสัย ความสามารถในการรับความเสี่ยง ตลอดจนสถานะทางการเงินและภาษีของคุณ เข้ามาคิดคำนวน และออกแบบแผนทางการเงินให้ตรงตามเป้าหมายที่คุณวางไว้ เป็นแผนที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ (customized) ในค่าใช้จ่ายที่ต่ำแสนต่ำ เช่น Betterment บริษัท Robo-Advisor ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วย Asset under Management (AUM) ถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทได้เก็บค่าธรรมเนียมในอัตราเพียง 0.25% เท่านั้น โดยไม่มีขั้นต่ำในการลงทุนเลย
ข้อดีของการใช้ Robo Advisor นั้น คุณจะได้ผู้ช่วยออกแบบวางแผนทางการเงิน รวมถึงช่วยเลือกสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณด้วยราคาที่ต่ำ และคุณจะได้เห็นภาพจำลองสถานะทางการเงินในปัจจุบัน ได้เห็นแผนทางการเงิน เห็นการลงทุนในประเภททรัพย์สินต่างๆ ที่สำคัญคือเห็นประมาณการผลตอบแทนต่อระยะเวลาที่คุณกำหนด รวมไปถึงการวางแผนทางภาษีและการวางแผนเกษียณอายุ ซึ่งการได้เห็นแผนการลงทุนทั้งหมดและเห็นผลตอบแทนที่เป็นไปได้ในอนาคตนั้น ส่งผลให้การลงมือทำจริงอย่างมีระเบียบวินัย เกิดง่ายขึ้นตามไปด้วยโดยปริยาย
ในทางตรงกันข้าม Robo Advisor นั้น ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง หนึ่งในความเสี่ยงสำคัญคือการคำนวน ‘ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ประเภทต่างๆ’ หรือ Correlation โดยมากแล้ว การพัฒนา Robo Advisor นั้น ใช้ทฤษฎีการจัดพอร์ตแบบ Modern Portfolio Theory ซึ่งมีความเชื่อว่า การลดความเสี่ยงในการลงทุนนั้นทำได้โดยการกระจายการลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ เนื่องจากทรัพย์สินแต่ละประเภทนั้นไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ต่อกัน แปลว่า เมื่อทรัพย์สินหนึ่งราคาตก ไม่ได้แปลว่าทรัพย์สินอื่นจะราคาตกด้วย ทำให้อัตราความเสี่ยงลดลง
เพราะเหตุนี้ หากเกิดความผิดพลาดในการคำนวนความสัมพันธ์ระหว่างทรัพย์สินขึ้น มีความเป็นไปได้สูงที่ระบบการลงทุนและการ Rebalancing พอร์ตการลงทุนจะผิดพลาดตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Jim Rickards ผู้เขียนหนังสือระดับ Best Seller เรื่อง Currency Wars, The Death of Money และ The Road to Ruin ได้ออกมาพูดถึงเรื่องลักษณะตลาดทุนในปัจจุบันที่มีความสลับซับซ้อนสูงขึ้น ( Market Complexity) ซึ่งเขาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีความซับซ้อนนี้ ว่าอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดทุนมีปัญหาขนาดใหญ่ในอนาคตได้
แม้จะมีความเสี่ยงในระบบ แต่ Deloitte ก็ออกมาประมาณการว่าตลาด Robo Advisor จะเติบโตถึง 2.2 - 3.7 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ( Trillion) ในปี 2020 และจะเติบโตสูงถึง 16 ล้านล้านเหรียญ (Trillion) ในปี 2025 เลยทีเดียว สำหรับบ้านเราเอง ได้เริ่มมีบริการเหล่านี้บ้างแล้ว เช่น Finnomena, Treasurist หรือ AVA เป็นต้น
Mei
#AI #RoboAdvisor #Fintech #WealthTech #Dinotech
Pic Credit@Forbes>
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman