ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 316.02 จุดหลังคลายกังวลภาคธนาคาร จับตาประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันวันที่ 2 ในวันอังคาร (21 มี.ค.) เนื่องจากตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคาร ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,560.60 จุด พุ่งขึ้น 316.02 จุด หรือ +0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,002.87 จุด เพิ่มขึ้น 51.30 จุด หรือ +1.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,860.11 จุด เพิ่มขึ้น 184.57 จุด หรือ +1.58%
โอลิเวอร์ เพิร์ช นักวิเคราะห์จากบริษัท Wealthspire Advisors ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารเริ่มบรรเทาลง ภายหลังจากภาครัฐและภาคเอกชนได้พร้อมใจกันแสดงศักยภาพในการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินที่อ่อนแอ
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน จะเป็นผู้นำการเจรจาร่วมกับผู้บริหารของธนาคารขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ เกี่ยวกับมาตรการครั้งใหม่ในการสร้างเสถียรภาพให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank - FRB) โดยอาจมีการแปลงเงินฝาก 3 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ ให้เป็นการเพิ่มทุนในธนาคาร FRB
ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังศึกษาแนวทางในการทำให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) สามารถคุ้มครองเงินฝากได้ทั้ง 100% จากปัจจุบันที่ให้การคุ้มครองไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า ระบบธนาคารของสหรัฐมีเสถียรภาพ หลังจากทางการสหรัฐออกมาตรการคลี่คลายวิกฤตสภาพคล่อง และรัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการมากขึ้นหากพบว่าวิกฤตการณ์ลุกลามออกไป
ดัชนี S&P500 banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณใน S&P500 พุ่งขึ้น 3.6% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.67% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.71% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 3.64% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.03%
ดัชนี KBW regional banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค พุ่งขึ้น 4.8% นำโดยหุ้น FRB ทะยานขึ้น 29.5% ส่วนหุ้นแพคเวสต์ บันคอร์ป และหุ้นเวสเทิร์น อัลลิอันซ์ บันคอร์ป พุ่งขึ้น 18.8% และ 15% ตามลำดับ
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.45% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.69% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 4.48% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 30.6% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.07%
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 7.8% หลังจาก China Merchants Bank International ซึ่งติดตามการจดทะเบียนประกันรถยนต์ในประเทศจีนระบุว่า เทสลามีแนวโน้มที่จะทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/2566
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธ (22 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการแสดงความเชื่อมั่นของเฟดว่าสามารถรับมือวิกฤตการณ์ในระบบธนาคารขณะนี้ และเฟดจะยังคงให้ความสำคัญกับการสกัดเงินเฟ้อ โดยแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.9% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 15.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย
Source: สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

 

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"