การพังทลายของ FTX จากที่เคยเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนคริปโทในตลาดที่พยายามประเมินขอบเขตความเสียหายที่เกิดจากการล้มละลาย

และสิ่งนั้นจะเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมคริปโทในอนาคต
แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ซึ่งเป็นเจ้าของ FTX คนเก่าที่ประกาศถอนตัวจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวในบาฮามาสเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา โดยถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งข้อกล่าวหาฉ้อฉลด้านการทำธุรกิจ ฉ้อฉลด้านหลักทรัพย์ และการฟอกเงิน
ธุรกิจหลักของ FTX ก็คือการเชื่อมผู้ซื้อ และผู้ชายสกุลเงินดิจิทัลเข้าด้วยกัน รวมถึงอนุพันธ์ อย่างไรก็ตาม FTX ยังมีการดำเนินธุรกิจที่มากกว่านั้น ซึ่งก็คือการเข้าถึงบัญชีของลูกค้าเพื่อทำการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงผ่านบริษัทในเครือ อลาเมดา รีเสิร์จ
Louise Abbott จากบริษัทกฎหมาย Keystone Law ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฟื้นสภาพสินทรัพย์คริปโท และการฉ้อฉล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่าดราม่า FTX นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงตลาดคริปโทในอนาคต โดยระบุถึงสามปัจจัยหลักที่ตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้
หลักเกณฑ์ – หายนะในครั้งนี้จะเป็นตัวจุดชนวนให้มีการดำเนินการทางกฎเกณฑ์อย่างแน่นอน ซึ่งอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีส่วนมากยังไม่ได้รับการรับรองในหลักเกณฑ์ ทำให้นักลงทุนไม่มีหลักป้องกันในการลงทุนเหมือนเช่นที่ทำกับธนาคารที่มีใบอนุญาต หรือนายหน้า ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจกำลังจะเปลี่ยนไปหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ยุโรป และสหราชอาณาจักร กำลังดำเนินการที่จะขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปจากตลาด
ทั้งนี้ ตลาดสินทรัพย์คริปโทในสหภาพยุโรปถือว่ามีขอบเขตหลักเกณฑ์ที่ครอบคลุมมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะลดความเสี่ยงของนักลงทุนในการซื้อคริปโทหากต้องสูญเสียสินทรัพย์ไป อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ดังกล่าวในสหภาพยุโรปนั้นจะเริ่มนำมาใช้งานอย่างเป็นทางการในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่ง Abbott ระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่ผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว
การรวมเข้าด้วยกัน – มีบริษัท และโครงการจำนวนมากเกิดขึ้นในช่วงปีหลังจากความเงียบเหงาในตลาดคริปโทเมื่อปี 2561 ซึ่ง FTX ก็เป็นหนึ่งในนั้น ความคาดหวังก็คือ บริษัทและเหรียญคริปโทจะเริ่มเหลือน้อยลงหลังจากนี้ เห็นได้จากการแพร่กระจายของการล่มสลาย FTX เริ่มเกิดขึ้นแล้ว อย่างเช่น ผู้ให้กู้ยืมเงินดิจิทัลอย่าง BlockFi ที่ก่อนหน้านี้กำลังมองหาความช่วยเหลือด้านการเงินจาก FTX ก็เพิ่งประกาศล้มละลายไป และจุดโฟกัสในขณะนี้ก็หันไปอยู่ที่บริษัทอื่น เช่น Gemini และ Genesis
ความหวาดกลัวด้านสถานะทางการเงินของแพลตฟอร์มคริปโทอื่น ๆ เริ่มมีมากขึ้นหลังจากเหตุการณ์ FTX โดยข้อมูลจาก CryptoQuant ระบุว่า ตั้งปีเมื่อต้นปี 2563 มีบิตคอยน์ไหลออกจากตลาดไปแล้วราว 9 แสนเหรียญ ด้านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทที่ใหญ่ที่สุดอย่างไบแนนซ์ก็ยังถูกสังคมกังขาด้านเงินทุนสำรองที่ถือไว้หลังจากที่เห็นถึงการไหลออกของเงินทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
นวัตกรรม – แม้ว่าตลาดคริปโทจะอยู่ในช่วงขาลง และความเสียหายที่ก่อให้เกิดกับนักลงทุน แต่ Abbott มองว่าอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลจะสามารถผ่านไปได้ โดยผู้ที่ให้การสนับสนุนการก่อตั้ง Web3 ซึ่งเป็นเว็บสายพันธุ์ใหม่ที่มีการใช้งานบล็อกเชน คาดว่าช่วงขาลงของคริปโทในปี 2565 นี้จะเป็นการกรุยทางไปสู่การใช้บล็อกเชนที่มีนวัตกรรมมากขึ้น เห็นได้จากการที่หลาย ๆ บริษัทในยุคปัจจุบันจะมีแผนกนวัตกรรมดิจิทัล หรือนวัตกรรมจักรวาลโลกคู่ขนาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทเหล่านั้นมีความเข้าใจว่ายุคของเทคโนโลยีมาถึงแล้ว
Source - ข่าวหุ้น
เพิ่มเติม
- The FTX disaster has set back crypto by ‘years’ — here are 3 ways it could reshape the industry :

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you