- สถานีปั๊มน้ำมันหาย : รถยนต์น้ำมันสามารถเติมน้ำมันได้เฉพาะที่ปั๊ม ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเติมไฟฟ้าที่บ้านได้ตลอดเหมือนชาร์ตแบตมือถือ เหตุผลนี้จึงอาจทำให้ธุรกิจปั๊มน้ำมันลดน้อยลงและถ้าปั้มน้ำมันไม่ปรับตัวเป็นปั๊มแบบชาร์ตไฟฟ้าก็อาจจะเจ๋งไปเลยก็ได้
บริษัทปิโตรเลียมรู้ว่าไม่มีทางจะหยุดยั้งกระแสไม่ให้ EV เกิดขึ้นได้ จึงทำทุกวิถีทางเพื่อ “ชะลอ” ความเร็วให้ EV เกิดช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ให้ข่าวลือว่าการกำจัดแบตเตอร์รี่ของ EV เป็นของเสียที่อันตราย ในขณะที่ข้อเท็จจริงคือ การฝังเซลล์ลิเทียมอิอ้อน (Lithium-ion cell) ที่ใช้ในแบตเตอร์รี่ของ EV ไม่เป็นอันตรายใดๆ นอกจากนี้เซลล์เหล่านั้นยังถูกนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอร์รี่ใหม่ เพราะเซลล์ลิเทียมอิอ้อนมีราคาสูงมาก นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออื่นๆ อีกมากที่บริษัทปิโตรเลียมพยายามใช้เพื่อชะลอให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ธุรกิจแบตเตอรี่จะเติบโต
แบตเตอรี่ คือจุดกำเนิดที่ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปมาของรถยนต์บนท้องถนน เกิดจากส่วนหนึ่งของแหล่งพลังงาน ที่เรียกว่า “แบตเตอรี่” แบตเตอรี่ของเครื่องยนต์ ทุกชนิดจะทำหน้าที่คล้ายแหล่งเก็บพลังงาน ซึ่งพร้อมที่จะทำงานทันทีเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ หรืออาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งก็ได้ว่า แบตเตอรี่เป็นจุดรวมของกระแสไฟฟ้า ซึ่งพร้อมที่จะแจกจ่ายไปยัง ส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้
สตาร์ทอัพจากอิสราเอล คิดค้นแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่สามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 5 นาที แถมวิ่งได้ไกลถึง 482 กิโลเมตร หมดห่วงเรื่องแบตหมดโดนทิ้งไว้กลางทาง
- อู่ซ่อมรถจะหดตัว
เครื่องยนต์ของรถยนต์น้ำมัน ประกอบด้วยชิ้นส่วนมากกว่า 200 ชิ้น ในขณะที่เครื่องยนต์ของรถยนต์ไฟฟ้า มีชิ้นส่วนไม่ถึง 10 ชิ้น อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทำให้การซ่อมบำรุงเกิดขึ้นน้อยกว่า การเกิดอุบัติเหตุของรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่มี เพราะด้วยการทำงานอย่างเป็นระบบของระบบเซนเซอร์ สามารถมองเห็นได้รอบด้าน หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ วิ่งบนถนนได้เปรียบเสมือนคนขับ จึงยากมากกับการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ธุรกิจอู่ซ่อมรถอาจจะหดตัวลง เพราะความปลอดภัยบนท้องถนนมีมากขึ้น
- รายได้ของรัฐ
รายได้จากภาษีปิโตรเลี่ยมลดลง และไม่เติบโต หากรัฐบาลไม่เตรียมการรับมือการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ให้ดี การสูญเสียรายได้จากภาษีปิโตรเลี่ยมก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเมื่อไม่มีการใช้น้ำมัน การเก็บเงินได้ส่วนนี้ก็ต่ำลงทันที ดังนั้นเพื่อการรักษารายได้จากภาษีส่วนนี้ไว้ ก็คงได้เห็นมาตรการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิดค่าใช้ถนน หรือไม่ก็คิดตามเวลาใช้ถนนก็เป็นได้
- ฟากขุดเจาะน้ำมันไม่อู้ฟู่เหมือนเมื่อก่อน
เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ามีมากขึ้น การบริโภคน้ำมันที่ใช้สำหรับรถยนต์ก็คงลดลงเช่นกัน ซึ่งจุดนี้กระทบกับผู้ผลิตน้ำมันเต็มๆ โดยเฉพาะประเทศเวเนซูเอล่า, ไนจีเรีย, ซาอุดิอาราเบีย และรัสเซีย เพราะในปี 2563 มีการคาดการณ์ว่า การบริโภคน้ำมันในแต่ละวันอยู่ราว 100 ล้านบาร์เรล แต่ในปี 2573 จะลดลงเหลือ 70 ล้านบาร์เรล
ในทางกลับกันวัตถุดิบที่ใช้ทำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าก็จะมีราคาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแร่ ลิเทียม, นิกเกิล, โคบอลต์ และแคดเมียม จนทำให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่มีแร่เหล่านี้เยอะ ต้องออกนโยบายพิเศษเพื่อสนับสนุนการค้นหาแร่เหล่านี้เพิ่ม รวมถึงหาช่องทางส่งออกแร่ไปยังประเทศต่างๆ ที่มีผลตอบแทนคุ้มค่า
- หุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ ทำให้แรงงานคนหาย
หลายประเทศทั้งจีน, อินเดีย, อังกฤษ และฝรั่งเศส ต่างออกนโยบายให้รถยนต์ในประเทศนั้นเป็นถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด เปรียบเสมือนการทำหมันรถเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้กันมาหลายสิบปีโดยปริยาย และจุดนี้เองก็ทำให้ค่ายรถยนต์หลายรายปรับตัวโดยส่งแผนผลิต และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าออกมาอย่างชัดเจน
แต่ตัวแผนเหล่านั้นเองมันก็กระทบกับแรงงานคนในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีอยู่จำนวนมาก ตัวอย่าง เช่น ในประเทศเยอรมัน ถ้าหากค่ายรถยนต์หลายรายเดินหน้าผลิตแต่รถยนต์ไฟฟ้า โอกาสที่แรงงานกว่า 6 แสนตำแหน่งจะหายไปทันทีก็มีสูง เพราะขั้นตอนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นง่ายว่าเครื่องสันดาปมาก และมีหุ่นยนต์มาช่วยในหลายขั้นตอน
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้แย่เสียทีเดียว เนื่องจากฝั่งธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ก็ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ เมื่ออ้างอิงเรื่องตัวชิ้นส่วนนั้นผลิตง่ายกว่า และมีต้นทุนต่ำกว่า ที่สำคัญยังมีผู้เล่นไม่มากในธุรกิจนี้ ทำให้ผู้ที่สนใจลงทุนเรื่องชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้ายังมีตลาดรองรับอีกมาก โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างประเทศจีน
Annie/fxhanuman.com
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman