รอบแรก ปีที่แล้ว เราตกใจมาก เพราะประเมินความรุนแรงไม่ค่อยถูก วัคซีนก็ยังไม่มา ปิดเมือง ล็อคดาวน์ เศรษฐกิจหยุดชะงัก ตลาดหุ้นตกใจสุดขีด ถึงขึ้น circuit breaker.รอบสอง เกิดเฉพาะจุด จากแรงงานต่างด้าว วัคซีนเริ่มมา ล็อคดาวน์บางจุด
ตลาดตกใจเพราะที่ผ่านมาเราคุมได้ดีไม่คาดคิดว่าจะเกิดรอบสอง ตลาดหุ้นตกใจลงไป 80 จุด ก่อนค่อยๆ ฟื้นกลับขึ้นมาในอีกไม่กี่วัน..
รอบสาม เหตุเกิดใจกลางกรุง คนมีเงิน ดารา นักธุรกิจ นักการเมือง และเกิดก่อนสงกรานต์ไม่กี่วัน รอบนี้กระจายตัวไปวงกว้าง แต่ก็เห็นการรีบเข้ามาตรวจกันเยอะจนแน่นโรงพยาบาล โดยเฉพาะเอกชน เนื่องจากจ่ายไหว และกลัวว่าจะติดมั้ย
ตลาดหุ้นเหมือนจะรอดูท่าทีตามสถานการณ์ คือ ไม่ได้ลงแรงแบบ 2 ครั้งแรก แต่ก็ลงวันละสิบ ยี่สิบจุด พอจะเด้งก็จะมีคนทยอยขายลงมา แบบกลัวๆ กล้าๆ แล้วก็ติดตามสถานการณ์กันไปรายวัน บวกกับการที่ SET ขึ้นมาถึง 1600 จุด แล้วสลับกลุ่มกันเล่นขึ้นมาด้วย คนที่ซื้อมาต่ำๆ ก็ทยอยล็อคกำไรกันออกไปเช่นกัน…
สิ่งที่เราต้องตามดูกันอย่างใกล้ชิดสำหรับรอบนี้คือ..ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน โดยเฉพาะหลังสงกรานต์ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้ตัวเลขใกล้ๆ พันคน ที่เห็นเยอะๆ ก็กรุงเทพ เชียงใหม่ ชลบุรี แต่ก็มาจากการที่ไปตรวจกันจนเยอะด้วย ถ้าตัวเลขเริ่มนิ่งหรือลดลงก็จะเริ่มเป็นสัญญาณที่ดี
แผนการนำเข้าและฉีดวัคซีนว่าคืบหน้าแค่ไหน ถ้าเป็นไปในทิศทางที่ดีของทั้งภาครัฐและเอกชน ก็จะช่วยสร้างความผ่อนคลายได้. แผนการควบคุม ถ้าควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่ต้องล็อกดาวน์ ตลาดก็น่าจะไม่กังวลมาก แต่ก็อาจจะมีผลกระทบบ้างจากคนที่ไม่กล้าออกไปจับจ่ายใช้สอยแบบปกติอยู่ดี.. …
แผนการลงทุน ถ้าเป็นวิตามินหุ้นจะทำอย่างไร..ถือเงินสดก้อนนึง 20-30% (จริงๆ ผมถือมาตอน SET ทำท่าไม่ผ่าน 1600 จุด) แล้วรอหาหุ้นที่น่าสนใจ ถ้าราคาปรับฐานลงมา แต่ไม่รีบซื้อหุ้นทีเดียวหมด.
ถ้าจะเก็งกำไรระยะสั้น หาหุ้นที่ได้ผลประโยชน์ช่วงนี้ เช่น โรงพยาบาลที่รับตรวจ COVID-19 (แต่อย่าลืมประเมินว่า เตียงเต็มมั้ย น้ำยาพอมั้ย และคนไข้ทั่วไปหายมั้ย) ประกันภัย ประกันภัยต่อ ถุงมือยาง อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่กลุ่มนี้ ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ก็อาจจะเลิกเล่นกันได้.
หุ้นที่งบ Q1 จะดี แต่ราคาดันลงมาเยอะ พองบประกาศออกมาในช่วงเดือนนี้เดือนหน้าดีจริง ก็จะมีคนกลับมาซื้อกัน แต่เราต้องดักซื้อไว้ก่อนตอนนี้ เราก็จะพอไปหาดูได้ว่าจะดี เช่น หุ้นเหล็ก หุ้นร้านวัสดุก่อสร้าง หุ้นอสังหา หุ้นอิเล็คทรอนิกส์ หุ้นโลจิสติกส์ เป็นต้น.
หุ้นที่แค่โดนชกแล้วมึนๆ แต่เดี๋ยวจะกลับมา เราเคยเห็นภาพนี้มาแล้ว 2 รอบ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร โรงหนัง ทางด่วน โรงเรียน ป้ายโฆษณา สื่อบันเทิง คนก็จะหาย ลูกค้าก็จะยกเลิกชั่วคราว แต่สุดท้ายก็จะฟื้นได้
หุ้นที่ผมจะหลีกเลี่ยง คือ หุ้นที่กว่าจะฟื้นอีกนานเป็นปีๆ แต่ราคาแพงไปแล้ว หุ้นที่อาจจะดีชั่วคราว พอโควิดหายก็จะไม่ดีดังเดิม หุ้นซิ่งหุ้นปั่นทั้งหลายที่ลากกันขึ้นมาไกล หุ้นคอมโมบางประเภทที่ upside น่าจะจำกัด…
สมมติฐานของผมคือ COVID-19 รอบนี้ ดูน่ากังวลกว่ารอบสอง แต่ไม่เท่ารอบแรก ผู้คนทั้งติดและไม่ติดดูมีความตื่นตัวในแง่การป้องกันและรักษา ทำให้ผมคาดว่า สถานการณ์จะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ความยากคือ เราเดาจุดพีคไม่ถูกว่าหลังสงกรานต์จะดีขึ้นมั้ย..
แต่เราคิดว่าเรื่องนี้มันต้องจบ และอาจจะไม่ยืดเยื้อเป็นเดือนๆ แต่เราจะไม่รอให้ตกรถ แปลว่า เรามีลิสต์หุ้นในมือ 10-20 ตัว พอถึงราคาที่เราจะซื้อ upside ตามต้องการ ซื้อเลย อาจจะแบ่ง 2-3 ไม้ ได้ หรือซื้อแล้วดอย ไม่เป็นไร เพราะถ้าเราประเมินถูก สุดท้ายที่ปลายทาง ราคามันจะขึ้นเอง
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you