สถานการณ์การระบาดโควิดที่เริ่มบรรเทาลงภายหลังจากอัตราการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิดทยอยปรับเพิ่มขึ้น และวัคซีนมีการแพร่กระจายไปในหลายประเทศมากขึ้นทำให้หลายฝ่ายคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในปีนี้
โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นอาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการรวมถึงอัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นนี้คงผ่านตาท่านผู้อ่านมาบ้างบางขุนพรหมชวนคิดในวันนี้จึงขอใช้โอกาสนี้พูดถึงประเด็นนี้ค่ะ
เหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายมาจากนโยบายทางการเงินและการคลัง ที่ธนาคารกลางและรัฐบาลในหลายประเทศใช้ในการบรรเทาผลกระทบของโควิด อาทิ การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นประวัติการณ์ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยจนอยู่ในระดับต่ำและการอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบหรือ มาตรการช่วยเหลือทางการคลังขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า "บาซูก้าการคลัง" ผ่านการใช้จ่ายเครื่องมือทางภาษี และเงินโอนต่างๆ เพื่อช่วยบรรเทาการขาดสภาพคล่องและช่วยหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อได้
อย่างไรก็ดีเมื่อวิกฤติโควิดเริ่มคลี่คลายหลังจากที่รัฐบาลควบคุมการระบาดได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และประชาชนส่วนใหญ่ได้วัคซีนเงินที่ล้นอยู่ในระบบเหล่านี้ก็มีโอกาสจะผลักให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วได้จากความต้องการซื้อของผู้บริโภคที่ถูกอั้นไว้ในช่วงล็อกดาวน์ รวมถึงอีกส่วนหนึ่งจากต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการที่อาจเพิ่มขึ้นจากการระบาดของโควิดที่ส่งผลให้โครงสร้างอุปทานเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เน้นผลิตสินค้าในประเทศที่มีค่าแรงถูกสู่การผลิตสินค้าที่พึ่งพาแรงงานในประเทศมากขึ้นความกังวลด้านเงินเฟ้อนี้เห็นได้ในแวดวงการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศอย่างสหรัฐฯในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีความผันผวนเป็นอย่างมากจาก การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวที่มีการปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนจากตัวชี้วัดเงินเฟ้อ 10 year break-even inflation ที่ปรับตัวสูงขึ้นจนสูงกว่าช่วงก่อนมีการระบาดโควิดแล้ว
อย่างไรก็ดีแม้นักลงทุนจะกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อหลังจากโควิดคลี่คลาย แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้กังวลในประเด็นนี้ นายเจโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะไม่รีบร้อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือลดปริมาณการทำคิวอีลงแต่ประการใด โดยจะคงอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยไปจนถึงปี 2567 เพราะต้องการมั่นใจว่าเศรษฐกิจและการจ้างงานมีการฟื้นตัวจริงๆ
นอกจากนี้ ในระยะสั้นหากเงินเฟ้อพุ่งไปเกินกว่าเป้าหมายที่2% ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯมีความยืดหยุ่นในการใช้นโยบายการเงินเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ โดยในปีที่ผ่านมาก็มีการปรับแนวคิดของเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นแบบค่าเฉลี่ยแทน กล่าวคือในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจย่ำแย่จนอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมายมากหากปีนี้เงินเฟ้อจะสูงกว่าเป้าหมายเพื่อถัวเฉลี่ยก็ไม่เป็นไร
ทั้งนี้ในเชิงทฤษฎีแล้วเงินเฟ้อแบบอ่อนๆ หรือการมีเงินเฟ้อเล็กน้อยในระบบเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อสินค้ามีราคาแพงขึ้น จะช่วยให้ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโต ทำให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และมีเงินหมุนในระบบมากขึ้น แต่หากเงินเฟ้อพุ่งสูงเร็วเกินไป มูลค่าของเงินที่มีอยู่ในทุกวันนี้ก็จะมีมูลค่าลดลงไปมาก หรือกล่าวได้ว่าเงินในจำนวนเท่าเดิมจะสามารถจับจ่ายใช้สอยได้น้อยลง ซึ่งนอกจากกระทบกำลังซื้อแล้วเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเร็วมากเกินไปยังกระทบต่อการวางแผนลงทุนของภาคธุรกิจเช่นกัน
ท้ายที่สุดนี้คงต้องจับตาการดำเนินนโยบายของภาครัฐและธนาคารกลางว่าหากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในอัตราที่น่ากังวลจนธนาคารกลางต้องหันปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดหรือมีการถอนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องก็อาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนอย่างมากและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจสะดุดลงได้ค่ะ
โดย ธนันธร มหาพรประจักษ์
ธนาคารแห่งประเทศไทย
**บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลจึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด**
Source: ไทยรัฐออนไลน์
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you