นาทีนี้ตลาดหุ้นไทยถือว่ามีการปรับตัวบวกได้ต่อเนื่องในระยะเวลาเพียงแค่เดือนกว่า (พ.ย.- 8 ธ.ค. 2563) ดัชนีบวกขึ้นมาแล้ว 200 กว่าจุด จากการเข้ามาไล่ซื้อหุ้นของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและการกลับมาให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นไทย
ตามมุมมองของสถาบันการเงินระดับโลกที่เริ่มมาให้น้ำหนักลงทุนในไทยมากขึ้น ประกอบไปด้วย “เครดิตสวิส” มอง หุ้นเอเชียมีแนวโน้มดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในปีหน้า โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าสู่วงจร “ซูเปอร์-ไซเคิลของกำไร”
ขณะเดียวกันโฟกัสมาที่ตลาดหุ้นไทยจะมี “สตอรี่ในการฟื้นตัว” ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เช่นเดียวกันกับ “เจพีมอร์แกน” มองว่าหุ้นตลาดเกิดใหม่มีโอกาสปรับตัวขึ้น 20% ในปีหน้า และมองเห็นโอกาสต่อหุ้นไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และบราซิล หลังจากที่ในปีนี้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นตลาดเกิดใหม่เป็นส่วนใหญ่เพื่อไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย
เมื่อมีเงินทุนกลับเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นสิ่งที่จะตามมาคือ ทิศทางค่าเงินบาท จากนี้อาจจะได้เห็นการแข็งค่าต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564 และจะส่งผลต่อขีดความสามามารถในการแข่งขันในผู้ส่งออกอยากให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ากว่านี้ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.-ปัจจุบัน (2-27 พ.ย.63) พบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยเฉลี่ย 2.9% จากเดือนต.ค.ที่แข็งค่า 0.4% หากดูการเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่ามีการแข็งค่าราว 1.1%
สอดคล้องกับในเดือนพ.ย. ที่ผ่านมาต่างชาติมีการซื้อสุทธิหุ้นไทยมาแล้ว 39,000 ล้านบาท ต่างจากช่วงเดือนอื่นที่เหลือได้ขายสุทธิในหุ้นไทยต่อเนื่องมาตลอด จนตัวเลขตั้งแต่ม.ค. - พ.ย. 2563 ยังมียอดขายสุทธิ 2.6 แสนล้านบาท
รวมทั้งตลาดตราสารหนี้ที่มียอดซื้อสุทธิของต่างชาติในตราสาระยะสั้นเข้ามาตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. แม้จะมีการขายสุทธิออกมาในช่วงปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทั้งเดือนต่างชาติยังมีสถานะซื้อสุทธิตราสารระยะยาวต่อเนื่อง
การที่กระแสเงินลงทุนที่กลับข้างมาซื้อหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมีความชัดเจน ว่า “โจ ไบเดน “ จากพรรคเดโมแครต เอาชนะ “โดนันล์ ทรัมป์ “ จากพรรครรพับรีกัน อย่างชัดเจน บวกกับช่วงเวลาดังกล่าวการประกาศความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 หลายแห่งมากถึง 90 % จนสามารถนำมาใช้กับประชาชนได้ จึงทำให้ฟันด์โฟลว์เริ่มตื่นตัวกลับมาสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นอื่นที่น่าสนใจกว่าสหรัฐ
เอเชียมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีกว่าสหรัฐและยุโรป ที่ปัจจุบันการเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศยังรุนแรงและน่ากลัวตามยอดผู้ติดเชื้อทำสถิตินิวไฮเป็นว่าเล่น ซึ่งในจุดนี้ถือว่าไทยทำได้ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกัน
ภาพดังกล่าวจึงพอการันตรีได้ว่าค่าเงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธป
ให้ธปท. ต้องเพิ่มดีกรีมาตรการสกัดบาทแข็งมากขึ้น ในวันนี้ (9 ธ.ค.) ซึ่งในรอบนี้จะเน้นมาตรการมองระยะกลางและระยะยาวเพื่อสร้างงระบบนิเวศของอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem)
โดยระบุชัดเจว่าเป็นส่วนหนึ่งในแพ็กเกจใหญ่เพื่อดูแลปัญหาเชิงโครงสร้างอัตราแลกเปลี่ยน โดยมุ่งหวังให้เงินบาทเคลื่อนไหวใน 2 ทิศทาง และให้ผู้ประกอบการสามารถมีความทนทานต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้ในอนาคต ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาให้ครบองค์ประกอบ
มาตรการดังกล่าวเริ่มมีการมองว่าน่าเป็นการควบคุมเพิ่มเติม
- ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.03 แข็งค่ากว่าภูมิภาคจากเงินไหลเข้า ตลาดจับตา Brexit โค้งสุดท้ายปริมาณธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนของสถาบันการเงินต่างประเทศ หรืออาจจะออกมาในรูปแบบที่เข้มข้นขึ้น ถึงขั้นเก็บภาษีจากการเข้ามาลงทุนของต่างชาติไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ ตราสารทุน หรือเงินฝาก ซึ่งล้วนส่งแรงกระเพื่อมใหญ่ต่อภาคการลงทุนด้วยเช่นกัน
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
----------------------------------------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you