เมื่อปี 1920 ผู้เล่นตำแหน่ง outfielder ของทีมเบสบอล New York Yankees .....George Halas ต้องหมดอาชีพ Halas เพิ่งลงเล่นได้ 12 เกมในฐานะนักเบสบอลอาชีพ แต่การบาดเจ็บจากข้อตะโพก ทำให้เขาต้องหยุดจากอาชีพในฝันของเขา
การเล่นเบสบอลเป็นสิ่งเดียวที่เขารู้จักดี และในเมื่อเขาต้องจบอาชีพนี้แล้ว อาชีพอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัด
แต่ในที่สุดเขาก็สามารถหางานประจำทำจนได้ที่เมือง Decateur, Illinois ....เมืองเล็ก ๆ ที่ห่างจากชิคาโก 3 ชั่วโมง เขาได้เข้าทำงานกับบริษัท A.E. Staley Company
Augustus Staley ผู้ก่อตั้งบริษัท ..เป็นคนรักกีฬา เขารวบรวมนักกีฬาฟุตบอลเข้าเป็นพนักงานบริษัท และตั้งเป็นทีมของบริษัท เข้าร่วมแข่งขันใน ลีกฟุตบอลท้องถิ่น
ทีมเป็นที่รู้จักในนาม Decateur Staleys ...โดยมี Halas เป็นผู้จัดการทีม
Halas ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับฟุตบอลมาก่อนเลย แต่เขาก็ปฏิบัติงานในฐานะผู้จัดการทีมได้ดีมาก ..The Staleys สามารถทำได้ 6-1 ในซีซั่นแรก และได้แชมป์ใน central Illinois Football Championship
แต่เจ้าของทีม Augustus Staley กลับสูญเงินมหาศาล
เป็นที่น่าสมเพทต่อผู้เล่นในทีม ...ทั้งทีมแทบไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย ...แต่เจ้าของก็ยังต้องจ่ายอยู่ดี ให้ทั้ง ..ผู้เล่น ..ค่าอุปกรณ์ ..ค่าเดินทาง ฯลฯ
Staley ไม่ต้องการยุติทีมฟุตบอลที่เขารักนี้ แต่เขาก็ไม่ต้องการความสูญเสียมากไปกว่านี้
ดังนั้นในปี 1921 Augustus Staley จ่ายให้ George Halas $5,000 (ที่นับว่าเป็นเงินจำนวนมากในยุคนั้น) และให้ทีมฟุตบอลไปด้วย
George Halas รีบรับโอกาสนั้นทันที ...เขาพาลูกทีมทั้งหมด (พร้อมเงิน) ไปที่ชิคาโก และเปลี่ยนชื่อทีม
และในที่สุดแล้ว ถึงปัจจุบัน..นี่คือทีม Chicago Bears
ทุกวันนี้ มูลค่าของทีมนี้เกือบ $35,000 ล้าน ...ที่มันน่าคิดก็คือ เมื่อหนึ่งร้อยปีมาแล้ว ทีมนี้มีมูลค่า #ติดลบ
นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่เป็นปกติ เพราะมันเกิดขึ้นบ่อย ๆ ..ธุรกิจอาจมีค่าติดลบได้ ...และโดยทั่วไปก็เป็นเรื่องปกติ ที่ไม่มีปาฏิหารย์เรื่องของการ turnaround อันน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น
กรณีที่ว่า เช่น : Hertz บริษัทรถเช่า มีหนี้ค่ารถยนตร์อยู่ $14,400 ล้าน ...จาก statements การเงินของบริษัท
แต่จากการประเมินมูลค่ารถยนตร์ มันมีมูลค่าน้อยกว่าหนี้ที่เป็นอยู่ ...นั่นคือมูลค่าของ Hertz ติดลบแล้ว
ถ้านำทรัพย์สินและหนี้สินอื่น ๆ มาคำนวน ..Hertz ติดลบอยู่ $2,800 ล้าน ...เท่ากับว่า..บริษัทนี้มีมูลค่าต่ำกว่าศูนย์
พวกเขากำลังเผาเงินทิ้งอย่างไม่มีจุดจบ ...และก็ไม่น่าแปลกใจที่ Hertz ยื่นเรื่องขอล้มละลายเมื่อไม่กี่วันก่อน
และก็เช่นเดียวกับ JC Penny ..retail chain ขนาดใหญ่ก็ยื่นเรื่องขอล้มละลายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ....จากสเตทเม้นท์การเงิน บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนถึง $3,700 ล้าน และมีทรัพย์สินสุทธิติดลบ (รวมถึงสัญญาอนุพันธ์อัตราดอกเบี้ย)
WeWork ยังไม่ได้ประกาศว่าจะล้มละลาย แต่บริษัทไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย มีแต่หนี้สินสัญญาเช่าที่น่าเหลือเชื่อถึง $47,000 ล้าน (ค่าผ่อนเซ้งตึก....ผู้แปล)
WeWork ก็คงจะมีค่าน้อยกว่าศูนย์ด้วย
ที่จริงก็ไม่เป็นธรรมนักถ้าจะคิดว่า มีบริษัทมากมายอยู่ในฐานะแบบนี้
ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังพุ่งขึ้นสูง เพราะนักลงทุนก็กำลังมองหาเหตุผลที่จะเชื่อว่า ทุกอย่างกำลังจะกลับไปเหมือนเดิม
มันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ คนเรามักมีแนวโน้ม normalcy bias ที่จะชักจูงความคิดตัวเอง จนประเมินสิ่งที่กำลังคุกคามอยู่หรือหายนะที่มองอยู่เห็น ๆ ..ต่ำกว่าความเป็นจริง
ขณะนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐมีมูลค่าพอ ๆ กับประมาณการเมื่อต้นปี 2019
สำหรับผม นี่เป็นเรื่องตลกมาก
เมื่อต้นปี 2019 ยังไม่มีคนตกงานนับสิบ ๆ ล้าน ..ธุรกิจปิดตัวนับไม่ถ้วน ..และเค้าลางของธุรกิจที่กำลังจะล้มลายแบบไม่รู้จำนวน เหมือนอย่างตอนนี้
นอกจากนี้ ทุกวันนี้ เรายังต้องอยู่กับความเสี่ยงที่เห็นกันชัด ๆ จากการระบาดของไวรัส ..การปิดตัวของธุรกิจ ..การปิดกั้นการเดินทางและท่องเที่ยว .....และยังมีเค้าลางของสงครามเย็นระหว่างสหรัฐกับจีน กับเรื่องอัตราภาษีที่อาจต้องเพิ่มขึ้นเพื่อการ bail outs อีกด้วย
เงื่อนไขเศรษฐกิจและการเพิ่มพูนรายได้ของวันนี้ก็แตกต่างจากวันนั้น (น่าเกลียดกว่ามาก) ...แล้วราคาหุ้นมันไปเท่ากันได้ยังไง
แล้วถ้าคุณจะขุดให้ลึกลงไปอีกนิดนึง คุณก็อาจจะพบว่ามีบริษัทเป็นจำนวนมากที่มีมูลค่าต่ำกว่าศูนย์
ในยามปกติ นักลงทุนมักจะประเมินมูลค่าของธุรกิจจากกระแสเงินสด หรืออย่างน้อยก็กระแสเงินสดในอนาคต
แต่นี่ไม่ใช่ยามปกติ ถ้าจะประเมินบนฐาน projections ของก่อนโรคระบาด Covid ....มันก็จะงี่เง่าไปซักหน่อย
บริษัทจำนวนมากจะต้องถูกกระทบด้านรายได้และผลกำไรในระยะยาว หลายแห่งก็อาจไปไม่รอด
เดิมพันที่ดูจะปลอดภัยดี ก็คือการประเมินธุรกิจจากทรัพย์สินของมัน พูดอีกอย่างก็คือ บริษัทมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ ลบด้วยหนี้สินแล้วเหลืออยู่เท่าไหร่
ถ้าคำตอบออกมาแบบ Hertz คือต่ำกว่าศูนย์ คุณ ๆ ก็คงจะรู้ว่าควรพิจารณาว่าจะลงทุนยังไงต่อไป
Hertz ก็คงจะไม่ใช่บริษัทยักษ์สุดท้ายที่จะขอล้มละลายหรอก ยังมีพวกห้างค้าปลีก บริษัทท่องเที่ยว ที่กำลังต่อคิวจ่อรออยู่
พอถึงตอนนี้ บริษัทไหนที่ใช้ leverage เยอะ (เป็นหนี้เยอะน่ะแหละ) ธุรกิจของบริษัทนั้นก็น่าจะมีค่าต่ำกว่าศูนย์ไปแล้ว ....ระวังอย่าวิ่งตามใครเข้าไปล่ะ ...ถ้ามีอยู่ก็ออกมาเหอะ
แล้วก็ต้องไม่ลืมด้วย ถ้าคิดจะซื้อกองทุนดัชนี ...เพราะในนั้นมีบริษัทนับร้อย ๆ แห่ง ..บางแห่งมันไม่มีค่าเอาซะเลย
ในระยะยาวแล้ว บริษัทที่แข็งแรง ทั้งเอกชนและมหาชน ก็จะยังคงดีอยู่ ดีกว่าเมื่อก่อนเกิดการระบาด Covid ซะอีก ...เศรษฐกิจที่ชลอลงหรือวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นน่ะ ทำอะไรมันไม่ได้เลย บางทีช่วยให้ธุรกิจที่แข็งแรงขึ้นมาอยู่บนท็อปได้เลย
บริษัทที่มีสินค้าหรือบริการตัวเด่น ๆ ..มีการบริหารที่ดี ..มีฐานะการเงินที่ดีสามารถฟันฝ่าไปได้ ....ในท้ายที่สุดมันจะเข้ากิน market share จากคู่แข่ง สร้างผลกำไรได้มากกว่าที่เคย
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you