มาตรฐานทองคำ ...จะเกิดขึ้นได้แบบสงบหรือเปล่า

Jim Rickards: ดอลล่าร์เริ่มพังแล้ว ระบบการเงินใหม่ต้องเกิดขึ้นได้แล้ว by Jim Rickards via Daily Reckoning Jan 9, 2020 ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ระบบการเงินมีการเปลี่ยนไปเฉลี่ย ทุกๆ 30 ถึง 40 ปี

ก่อนปี 1914 ระบบการเงินของโลกอิงอยู่กับมาตรฐานทองคำแบบดั้งเดิม

พอมาถึงปี 1945 ระบบการเงินแบบใหม่เกิดขึ้นในที่ประชุม Bretton Woods ...ปี 2020 นี้ก็มีการจัดงานครบรอบปีที่ 75 ที่ Bretton Woods

ภายใต้ระบบนี้ เงินดอลล่าร์ถูกใช้เป็นสกุลเงินสำรองของโลก ที่อิงกับทองคำที่ราคา $35 ต่อออนซ์ ....ในปี 1971 ปธน.นิกสันยุติการแลกคืนดอลล่าร์เป็นทองคำ นับเป็นครั้งแรกที่ระบบการเงินไม่มีทองคำหนุนหลังอีกต่อไป

มาถึงวันนี้ ระบบการเงินที่ใช้กันอยู่นี้มีอายุมา 50 ปีแล้ว มันเกินเวลาแล้วที่โลกจะต้องเปลี่ยนระบบซะที ทองคำควรกลับมามีบทบาทนำได้แล้ว

ผมเขียนและพูดถึงเรื่องนี้มานานนับปี เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการใช้มาตรฐานทองคำ

นักวางแผนการเงินระดับชาติสามารถเลือกได้ พวกเขาอาจนำทองคำเข้าสู่ระบบการเงินในแบบที่เข้มข้น..หรือแบบอิสระที่มีความยืดหยุ่น

อาจมีการจัดการประชุมในรูปแบบเดียวกับเมื่อครั้ง Bretton Woods ...โดยมีมหาอำนาจ เช่นสหรัฐทำงานร่วมมือกับจีน

หรืออาจจะเมินเฉยกับปัญหาทั้งหมด ปล่อยให้ปัญหาหนี้สร้างวิกฤติไปเลย (แล้วมันจะไปแสดงผลที่อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ) แล้วทีนี้ก็คอยดูละกันว่า ราคาทองคำมันจะขึ้นไปสูงกว่า $14,000/ออนซ์หรือเปล่า ...ไม่ใช่เพราะมีใครต้องการอย่างนั้น แต่เพราะไม่มีใครควบคุมระบบได้อีกแล้ว

ผมพูดเสมอว่าเราต้องใช้แบบแรก (จัดให้มีการประชุม) แต่แบบที่สองที่จะมาสร้างความยุ่งเหยิงน่าจะมาแรงกว่า ....ทำไมเราไม่ใช้วิธีที่เคลียร์กันได้ แทนที่จะใช้วิธีสร้างความพินาศเสียล่ะ .....แต่จะวิธีไหน เราก็จะได้เห็นราคาทองคำสูงขึ้นแน่ๆ

สิ่งที่ทำให้ดอลล่าร์ขึ้นมาอยู่ในบัลลังก์เป็นสกุลเงินรีเสิร์ฟของโลกได้ ก็สามารถโค่นมันลงจากบัลลังก์ได้เหมือนกัน ...ซึ่งนั่นคือ Bretton Woods ที่ทำให้ดอลล่าร์อยู่ยั้งเป็นเงินรีเสิร์ฟมาจนปัจจุบัน

ภายใต้ระบบ Bretton Woods เงินทุกๆสกุลต้องผูกค่ากับเงินดอลล่าร์ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ตายตัว ดอลล่าร์เท่านั้นที่ผูกค่ากับทองคำที่ $35 ต่อออนซ์ ...เงินทุกสกุลจึงมีอัตราตายตัวต่อมูลค่าของทองคำ..ผ่านการผูกค่ากับดอลล่าร์เท่านั้น

ทุกสกุลมีโอกาสอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ ดังนั้นจึงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทองคำด้วย ..แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจาก International Monetary Fund (IMF) ก่อน อย่างไรก็ตาม ตามทฤษฎีแล้ว ดอลล่าร์จะอ่อนค่าไม่ได้ เพราะนี่คือหัวใจสำคัญของทั้งระบบเลย ..ดอลล่าร์จะต้องมีมูลค่าเท่าทองคำตลอดไปเลย ..(ไม่ว่ากรูจะพิมพ์ออกมาอีกซักเท่าไหร่ ....ผู้แปล)

ตั้งแต่ปี 1950 ถึง 1970 ระบบ Bretton Woods มันก็ไปได้สวยอยู่ ...คู่ค้าของสหรัฐที่ได้เงินดอลล่าร์มาสามารถนำไปแลกเป็นทองคำที่กระทรวงการคลังสหรัฐตามอัตราได้เลย

ในปี 1950 สหรัฐมีทองคำอยู่ประมาณ 20,000 ตัน พอมาถึงปี 1970 จำนวนทองคำก็ลดลงมาเหลือประมาณ 9,000 ตัน ...11,000 ตันที่ลดลงน่ะ มันถูกแลกคืนจากบรรดาคู่ค้าที่นำโดย เยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาลี ที่ได้ดอลล่าร์มาแล้วแลกคืนทันที (ไม่ไว้ใจที่พิมพ์ดอลล่าร์เยอะไป)

เงินปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ เคยอยู่ในตำแหน่งเงินรีเสิร์ฟของโลกมาก่อนตั้งแต่ปี 1816 หลังสิ้นสุดสงคราม กับนโปเลียนและเริ่มกำหนดมาตรฐานทองคำ แต่พอปี 1944 การประชุม Bretton Woods ถือเป็นการเข้าแทนที่เงินปอนด์ของคิงดอลล่าร์ในการเป็นเงินรีเสิร์ฟ

ที่จริงการชิงตำแหน่งนี้มันเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา 30 ปี ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1914 ถึง 1944

แล้วในช่วงปี 1919 - 1939 เป็นช่วงที่โลกมีรีเสิร์ฟหลักอยู่สองสกุล -ดอลล่าร์และปอนด์- เคียงข้างกัน

จนกระทั่ง ในปี 1939 อังกฤษยกเลิกการแลกคืนทองคำชั่วคราวเพื่อจะต้องใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง บทบาทของเงินปอนด์ก็ลดความน่าเชื่อถือลงอย่างรุนแรง ..จึงถูกดอลล่าร์ช่วงชิงตำแหน่งแชมป์ไปในการประชุมที่ Bretton Woods เมื่อปี 1944

กระบวนการที่ดอลล่าร์เข้าทดแทนเงินปอนด์ที่ใช้เวลาถึง 30 ปี ทำให้เห็นว่า การเปลี่ยนสกุลเงินรีเสิร์ฟคงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นช้าๆอย่างมั่นคง

มาถึงยุคปัจจุบัน เราก็ได้เห็นสัญญานนั้นแล้ว เมื่อปี 2000 ดอลล่าร์ตลอดถึงพันธบัตรสหรัฐเป็นรีเสิร์ฟของโลกถึงประมาณ 70% ...ทุกวันนี้ ตัวเลขลงมาถึง 62% ถ้าเทรนด์ยังคงเป็นไปตามนี้ ในไม่ช้ามันคงจะลงไปต่ำกว่า 50% จนได้

เริ่มเห็นได้ชัดแล้วว่า จีนซึ่งเป็นประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐกำลังมาขอท้าชิง เหมือนกับที่สหรัฐเคยท้าอังกฤษชิงเมื่อปี 1914 ....สหรัฐมีทองคำไหลเข้าประเทศจำนวนมากช่วงปี 1914-1944 จีนก็กำลังมีการสะสมทองคำเช่นกันในหลายปีมานี้

จีนเพิ่มปริมาณทองคำนับพันๆตัน โดยไม่มีการรายงานเรื่องนี้ต่อ IMF หรือสภาของ World Bank

ถ้าจะอ้างข้อมูลการนำเข้าและ output การผลิตจากเหมืองทองคำของจีน ...การถือครองทองคำของรัฐบาลและเอกชนจีนก็จะมีมากกว่าที่เราๆรู้กันมากนัก ไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่นอนของปริมาณทองคำของจีน เพราะจีนไม่มีรายงานเรื่องนี้เป็นทางการยกเว้นนานๆครั้ง

รัสเซียก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เพิ่มการสะสมทองคำในหลายปีมานี้ในขณะที่มีหนี้ต่างประเทศน้อยมาก การสะสมทองคำของรัสเซียเป็นไปอย่างเปิดเผย จนที่ปรึกษาของปูตินกล่าวว่า "เงินรูเบิ้ลของรัสเซียจะเป็นสกุลแรกๆที่อิงกับทองคำ"

อิหร่านก็มีการนำเข้าทองคำจำนวนมาก ส่วนใหญ่จากเตอร์กี และดูไบ แต่ไม่มีการเปิดเผยจำนวนที่แน่นอน

ประเทศอื่นๆรวมถึงสมาชิกของกลุ่ม BRICS ก็เข้าร่วมในการหลีกให้พ้นจาการครอบครองจากสหรัฐด้วย

เมื่อปี 1914 เงินปอนด์สเตอรลิงมีคู่แข่งเพียงหนึ่งคือ ยูเอสดอลล่าร์ แต่ทุกวันนี้ ดอลล่าร์กำลังพบกับคู่แข่งหลายสกุล ....ดอลล่าร์เริ่มเสื่อมถอยจากการเป็นรีเสิร์ฟเมื่อปี 2000 ตั้งแต่มีการสร้างเงินยูโร และมาเริ่มรุนแรงขึ้นจากสงครามค่าเงินรอบใหม่

การ collapse ของดอลล่าร์เริ่มขึ้นแล้ว โลกกำลังต้องการระบบการเงินใหม่ ...คำถามคือ จะเป็นไปแบบสงบเรียบร้อยจากการประชุมทางการเงินเป็นเรื่องเป็นราวหรือแบบสร้างความพินาศไปเลย

แต่คิดว่าคงจะเป็นแบบหลังเสียมากว่า ...อย่าฝากความหวังว่าจะมีใครมาจัดการให้ได้ทันเวลา

Regards,

Jim Rickards

for The Daily Reckoning

Cr.Sayan Rujiramora

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"