ใครบริหารสหรัฐอเมริกาอยู่..ตอนนี้

เมื่อเวลาเราได้ยินชื่อ The Crown ..เราก็มักนึกไปถึงพระราชา พระราชินี .....หรือเมื่อเราได้ยิน London หรือ The City เราก็นึกไปถึงเมืองหลวงของอังกฤษ ที่ซึ่งเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการขององค์พระประมุขและพระราชวงศ์ เพราะนครเวสท์มินสเตอร์

(City of Westminster) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังต่างๆ อยู่ในใจกลางนครลอนดอน

The City ความจริงเป็นบริษัทเอกชน มีอธิปไตยในเขตของตนเอง กินพื้นที่ 677 เอเคอร์ ในใจกลางของพื้นที่ขนาด 610 ตารางไมล์ของมหานครลอนดอน ....The City มีประชากรอยู่ 5,000 คน ในขณะที่มหานครลอนดอนมี 8 ล้านคน

The Crown คือคณะกรรมการที่มีอยู่ 12-14 คน ที่บริหารรัฐอิสระแห่งนี้ที่เรียกว่า City of London หรือ The City มันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษ ไม่ต้องขึ้นกับอธิปไตยหรืออยู่ภายใต้กฏหมายจากรัฐสภาอังกฤษ .....มันเป็นรัฐอิสระ เหมือน Kowloon City ของฮ่องกงที่ยังเป็นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอยู่ .....นี่คือวาติกันแห่งโลกธุรกิจ

The City บริหารโดยนายกเทศมนตรีที่ได้รับเลือกสมัยละหนึ่งปี ....เมื่อสมเด็จพระราชินีเสด็จมาที่ The City นายกฯ จะเป็นผู้มารับเสด็จที่ประตูเมือง Temple Bar ....พระราชินีจะต้องทำความเคารพเขา และขออนุญาตที่จะเข้าไปยังรัฐอิสระของเขา เขาจะอนุญาตโดยถวาย sword of State ....ในระหว่างการเยือนนี้ นายกเทศมนตรีและคณะผู้ติดตาม (หรือราชบริพาร?) จะอยู่ในชุดโบราณยุคกลาง ซึ่งเด่นกว่าชุดของคณะผู้มาเยือน..ซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบปกติ นายกเทศมนตรีรับแขกเมืองในฐานะเจ้าผู้ครองนคร ในขณะที่พระราชินีมีฐานะเป็นเพียงพลเมืองในรัฐ

ธนาคารกลางของอังกฤษ Bank of England ..Lloyd's underwriters ..ตลาดหุ้นลอนดอน ..บริษัทธุรกิจข้ามชาติขนาดยักษ์ ..ทั้งหมดนี้ที่อยู่ใต้อาณัติของร็อธไชลด์ ก็ล้วนแต่ตั้งอยู่ที่นี่ .....กลุ่มคนจำนวนไม่มากที่บริหาร The City เหล่านี้แหละ ที่สามารถบงการได้ทั้ง รัฐสภาของอังกฤษ ..นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของเขา

ราชวงศ์อังกฤษปกครองสร้างอธิปไตยและความมั่งคั่งให้กับบริเตนมา 280 ปีจนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 17 ...ที่จริงในช่วง 280 ปีนั้นประเทศไม่มีปัญหาเงินเฟ้อเลย คนธรรมดาทำงานเพียงแค่ 150 วันในหนึ่งปีอย่างสบายๆ (แต่ในออสเตรเลียปัจจุบัน ว่ากันว่าคนต้องทำงาน 150 วันเพื่อจ่ายภาษี ที่เหลือถึงจะเป็นการเลี้ยงตัวเองและครอบครัว)....... สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่มีการก่อตั้งธนาคารกลาง Bank of England เพื่อมาหนุนพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 ที่ฟุ่มเฟือย

มีการแยกออกเป็น 2 จักรวรรดิ์ ที่อยู่ภายใต้ British Empire ....อาณานิคมผิวขาวถูกแยกจากอาณานิคมผิวสี อาณานิคมผิวขาวเช่น อัฟริกาใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแคนาดา ซึ่งคิดเป็น 13% ของ Empire ยังอยู่ภายใต้กฏหมายของอังกฤษ ....อาณานิคมนอกจากนั้นเช่น อินเดีย อียิปต์ เบอร์มูด้า มอลต้า ไซปรัส กลุ่มอัฟริกากลาง สิงคโปร์ ฮ่องกง ยิบรอลต้า ขึ้นอยู่กับ Empire ของ The Crown of The City of London ที่ไม่ได้อยู่ใต้กฏหมายของบริเตน ....รัฐสภาอังกฤษไม่มีอำนาจเหนืออาณานิคมเหล่านี้ ...ผู้ปกครองตัวจริงคือผู้บริหาร City of London ซึ่งเป็นวิสาหกิจเอกชน ผู้สามารถชี้เป็นชี้ตายกับผู้คนในอาณานิคมเหล่านั้น ไม่สามารถอุทธรณ์ภายใต้กฏหมายอังกฤษ ไม่ถือเป็นพลเมืองอังกฤษ

และในเมื่อ The Crown สามารถควบคุมรัฐบาลอังกฤษ จึงไม่เป็นปัญหาในการเรียกเก็บภาษีจากชาวอังกฤษเพื่อมาใช้หนุนกองทัพ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ The Crown โดยไม่ต้องใช้ทุนของตนเอง ...นี่ไม่ใช่เป็นการผดุงความมั่งคั่งให้บริติชเลย และเป็นเหตุผลที่คนอังกฤษยากจนลง ....มันเป็นความมั่งคั่งของ The Crown of City of London เท่านั้น

International Bankers ทั้งหลายที่อยู่ใน City of London ทุกวันนี้เป็นผู้ควบคุมทรัพยากรทั้งหมดของโลก ..The Crown ยังคงเป็นเจ้าของและควบคุมอดีตอาณานิคมทั้งหลาย ทั้งด้านการเงินและทรัพยากร ...แต่การควบคุม มีการใช้ให้สหประชาชาติเป็นผู้ใช้กำลังทหารที่นำโดยกองทัพของอเมริกัน โดยได้รับเงินอุดหนุนจากชาติสมาชิกทั้งหลาย

ดังนั้นทุกวันนี้ City of London จึงยังคงเป็นเจ้าของผู้ควบคุมทั้งการเมืองและเศรษฐกิจของ อัฟริกาใต้ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ .....และอีกหลายประเทศ รวมทั้ง ...สหรัฐอเมริกา!!!

Milo

Cr.Sayan Rujiramora

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"