... มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายในการติดตามเรื่อง “ทองคำของนาซี” สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำให้หลายคนสนใจ : ทองคำส่วนใหญ่ที่ถูกขโมยโดยเยอรมนีต่อเพื่อนบ้านยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ก่อนจะถูกขายออกไปอย่างรอบคอบและปกปิดเป็นความลับในตลาดโลกก่อนเดือนพฤษภาคมปี 1945 โดยความร่วมมือของ “ธนาคารสวิส” เพื่อนำเงินที่ได้เอาไปช่วยเหลือด้านการเงินในการสร้างกองทัพเพื่อการทำสงครามต่อไปของฮิตเลอร์
... 5 ปีต่อมา ในปี 1950 “ธนาคารกลางอเมริกาแห่งนิวยอร์ก” ได้หลอมทองคำแท่งนับร้อยแท่งที่มีเครื่องหมายสวัสติกะ สัญลักษณ์ของนาซีเยอรมัน ที่ปล้นทาจากทั้งธนาคารกลางของยุโรปและประชาชนทั่วไป เช่นฟันปลอม แหวน หรือ อัญมณีต่างๆ เพื่อจะพิมพ์คำใหม่แทนที่ด้วยคำว่า '' United States Assay Office ''
... ในช่วงเวลาดังกล่าว “ตามบันทึกที่ออกโดย Federal Reserve” บอกว่า กระทรวงการคลังของอเมริการู้ว่าทองคำจำนวนมากนั้น มีมูลค่าประมาณ 23 ล้านดอลล่าร์ ในเวลานั้น ได้ถูกปล้นจาก “เนเธอร์แลนด์และเบลเยียม” ( เบลเยี่ยมนั้น มีทองคำจากลักเซมเบอร์กด้วย ) เมื่อประเทศเหล่านั้นถูกรุกรานโดยเยอรมนี
... แต่ในปี 1950 ความกังวลหลักของอเมริกาที่แสดงออกมานั้น คือแค่เรื่อง “การสร้างยุโรปขึ้นใหม่” โดยไม่เคยตั้งคำถาม ที่มากมายเกี่ยวกับ ต้นกำเนิดที่มาของทองคำที่ย้ายจากมือธนาคารสวิสไปยังประเทศอื่น ๆ และในที่สุดก็ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าสู่ห้องใต้ดินของธนาคารกลางอเมริกาได้อย่างไร
... Jack Morris โฆษกของ Citicorp ในตอนนั้น ซึ่งเป็น บริษัท แม่ของ Citibank บอกว่า "ข้อเท็จจริงดูเหมือนจะค่อนข้างชัดเจน" หลังจากตรวจสอบเอกสารที่ Federal Reserve มอบให้กับนักวิจัยของสถานีโทรทัศน์สวิส ''ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในยุคที่ไม่มีการไตร่ตรองอย่างมากเกี่ยวกับการทำธุรกรรมประเภทนี้ "
... เอกสารจากธนาคารกลางอเมริกานั้น ไม่เพียงแต่จะให้มุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับ “การค้าทองคำของนาซี” จากเริ่มแรกแรกขายผ่านธนาคารสวิสจากนั้นก็ผ่านมือธนาคารกลางของยุโรปและสุดท้ายไปยังธนาคารกลางอเมริกา นอกจากนั้นพวกเขายังได้พบเรื่องราวจากทองคำเหล่านี้มามาจากไหน เช่น มีคราบฟันปลอมทองคำ แหวน อัญมณี ตกเหลือเป็นคราบในทองคำแท่งที่ยิ่งตอกย้ำความเชื่อว่า มันมาจากนาซีเยอรมัน ก่อนที่จะถูกอเมริกาเอามาหลอมใหม่
... แต่การถลุงหลอมซ้ำที่ดำเนินการโดยอเมริกาด้วยการพิมพ์คำว่า United States Assay Office น่าจะลบล้างร่องรอยทั้งหมดของสิ่งที่นักประวัติศาสตร์สนใจ เช่น คำว่า '' ทองคำที่ไม่ใช่เงิน” หรือ ''non-monetary gold'' ในทองคำแท่งจากนาซีหายไป โดยทางอเมริกาอ้างว่าวัตถุประสงค์ของการหลอมอีกครั้งคือเพื่อให้มั่นใจว่าทองคำใด ๆ ในห้องใต้ดินของธนาคารกลางประเทศตนนั้นได้มาตรฐานของรัฐบาลอเมริกันซึ่งเป็น ''ความบริสุทธิ์ของทองคำ 99.5%” หรือดีกว่าแค่นั้นเอง ไม่ได้ต้องการจะปกปิดที่มาว่าปลายทางการซื้อขายทองคำของฮิตเลอร์ที่ไปปล้นจากยุโรปมานั้นมาจบลงที่อเมริกา ที่สิ่งนี้เป็นคำถามที่นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ตั้งคำถามและสงสัยมานาน ว่า "อเมริการับซื้อของโจร" หรือไม่ ?
... ดังนั้นหลังจากการหลอมทองคำใหม่ใน 1950 วันนั้น จึงไม่มีหลักฐานในเอกสารใดๆเหลืออยู่ ที่ระบุว่า Federal Reserve หรือ Treasury ถูกสงสัยว่าในปี 1950 ว่า ส่วนใดๆของทองคำในความครอบครองของพวกเขามาจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซี เยอรมัน หรือไม่ ที่ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการทูตยุคใหม่
... จากนั้นเมื่อความจริงเรื่องการหลอมทองคำในปี 1950 ของเฟด ส่วนนี้ถูกเปิดเผย ในสมัยของ “บิล คลินตัน” เป็นประธานาธิบดี นำโดย Stuart Eizenstat ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จากความจริงที่ว่าบางส่วนของทองคำที่ไม่รู้ที่มาชัดเจนของนาซีมาจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาอยู่ในมือของอเมริกา ทำให้ประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่มีศักยภาพและเกี่ยวข้องในยุโรปได้เรียกร้องทองคำคืน จึงมีการตั้งหน่วยงานในความพยายามสนับสนุนการคืนทองคำในปริมาณเล็กน้อย เพื่อคืนให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก ผู้รอดชีวิตและทายาทของผู้ประสบภัยหายนะจากสงครามโลกครั้งที่ 2
... ส่วนหนึ่งของ “การติดต่อของธนาคารกลางอเมริกากับทองคำนาซี” ได้ถูกเปิดเผยเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “สเปน” ต้องการวางหลักประกันในรูปของทองคำเพื่อซื้อระบบโทรศัพท์จาก ITT. ของอเมริกา ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ขณะที่ยุโรปกำลังถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่2 ภายใต้โครงการช่วยเหลือจากอเมริกันที่รู้จักในชื่อ “แผนการมาร์แชล” ที่ประเทศยุโรปที่ต้องการเงินช่วยเหลือ ที่ตอนนั้น “เงินดอลล่าร์” ได้รับการรับรองจากทั่วโลกที่ “เบรตตันวู้ด 1944” จึงมีการส่งทองคำแท่งมูลค่า 31 ล้านดอลลาร์ไปยัง New York Federal Reserve แต่ทองคำในวันนั้นจะมีมูลค่าประมาณ 10 เท่าในวันนี้ หรือ ประมาณ 310 ล้านดอลล่าร์
.
... The documents not only provide a stark view of the trafficking of Nazi gold -- first through Swiss banks, then through the central banks of Europe, and finally to the Federal Reserve -- they also raise some haunting questions.
Cr.Jeerachart Jongsomchai
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you