รายงาน: ลุ้นธนาคารกลางอัดฉีดเงิน หุ้นไทยก.ย.สู่โหมดขาขึ้น

ความกังวลจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจถดถอย และปัจจัยจากเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2562 ขยายเพียง 2.3% ต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส กดดันให้ดัชนีหุ้นไทยเดือนสิงหาคมปรับลดลง 3.3% ปิดที่ระดับ 1655 จุด

อย่างไรก็ดีสัปดาห์แรกเดือนกันยายนตลาดหุ้นไทยเริ่มกระเตื้องขึ้น ปิดตลาดเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ 1670.06 จุด เพิ่มขึ้น 15.14 จุด หรือ +0.91 % ตามตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลสงครามการค้า จากการที่จีนและสหรัฐฯ เตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่ในต้นเดือนตุลาคมนี้ และได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศการถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีน รวมทั้งกรณีเบร็กซิทหลังสภาฯอังกฤษอนุมัติร่างกฎหมายขัดขวาง No-deal Brexit

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ฯ ระบุว่า ตลาดหุ้นในเดือนกันยายนยังมีความผันผวนสูง แต่มีโอกาสลุ้นที่จะฟื้นตัวจากนโยบายของธนาคารกลางว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะการประชุม ECB และ FED ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 กันยายน และ 17-18 กันยายน ตามลำดับ (ตารางประกอบ) เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า สภาพคล่องมีบทบาทต่อทิศทางตลาดหุ้นโลก โดยมีค่าความสัมพันธ์ในเชิงบวกลึกมาก (Correlation = 0.94)

"ประเด็นหลักที่น่าจับตา คือการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพื่อหนุนเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกโดยตรงกับตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยคาดดัชนีหุ้นไทยในเดือนนี้จะแกว่งตัวขาขึ้นกรอบแนวต้าน 1690 จุด กรอบแนวรับที่ 1635 จุด และกรณีที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 4/2562 มีโอกาสที่ในช่วงสิ้นปีดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 1730 จุดได้ "นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีฯ คาดว่าครึ่งหลังของเดือนกันยายนนี้ ดัชนีหุ้นไทยจะกลับสู่โหมดขาขึ้น จากสถานการณ์การค้าที่มีพัฒนาการทางบวก, เฟดลดดอกเบี้ยและรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2

โดยตลาดส่วนใหญ่มั่นใจว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC)ในช่วงวันที่ 18 กันยายนนี้ จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากล่าสุดสหรัฐฯประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ไตรมาส 2/19 (ครั้งที่ 2) ขยายตัวเพียง 2% แย่กว่าไตรมาส 1/19 ที่ขยายตัว 3.1%

นอกจากนี้ผลสำรวจล่าสุดของ CME Group ซึ่งใช้เครื่องมือ Fed watch พบว่ามีความน่าจะเป็นสูงถึง 96.4% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2% สำหรับการประชุมที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 17-18 กันยายนนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดน่าจะส่งผลดีต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่าจะได้ผลบวกจาก Fund Flow ไหลเข้า หลังจากเดือนสิงหาคมนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิกว่า 54,274 ล้านบาท

บล.เอเซีย พลัส จก.(มหาชน) คาดว่า กระแสทุนต่างประเทศ (Fund Flow) ยังมีโอกาสไหลออกจากตลาดหุ้นในช่วงเดือนนี้ เนื่องจากกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนอ้างอิงตามดัชนี FTSE Emerging Market มีการปรับสัดส่วน โดยเพิ่มสัดส่วน 10% ลงทุนในหุ้นจีน และ 25% ในตลาดหุ้นซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการย้ายเม็ดเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยยังมีอยู่ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเดือนนี้

Source: ฐานเศรษฐกิจ

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"