เมื่อ Fed เตรียมเข้าโหมดนโยบายการทำ QE ...ระบบการเงินทั่วทั้งโลกก็ถึงคราวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นเป็นวงกว้างในระดับโลก ภาวะล้มเหลวของภาคเอกชนเกิดขึ้นไปทั่ว จน Fed ต้องทำ QE แบบชนิด unlimited พร้อมๆกับอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ ...ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ตลาดการเงินพากันเรียกร้องเอง ที่จริงแล้วตลาดนี่แหละเป็นผู้จับ Fed เป็นตัวประกัน

แต่ครั้งนี้จะมีความแตกต่าง ...ที่ผ่านมาเป็นเวลาสิบปีมาแล้วที่ Fed ต้องพึ่งพานโยบายที่สอดคล้องกันของธนาคารกลางยุโรป และร่วมกันใช้มาตรการทางการเงินที่ extreme สุดๆ ..แต่ทั้งระบบก็ยังพังคามือจนได้ การพังทลายของระบบมันเกิดทั้งภาคการเงินและภาคเศรษฐกิจ .....โปรแกรมการซื้อขายพันธบัตรในตลาดการเงินแบบเพี้ยนๆทำให้นักลงทุนตัวจริงต้องถอยออกไป ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆก็ทำให้เศรษฐกิจพังจากการบิดเบือนการกระจายการลงทุนในทรัพย์สิน ....ธนาคารกลางตอนนี้ก็ถูกต้อนเข้ามุมแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

กระบวนการทำ tightening ในช่วงสามปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลว ไม่สามารถทำให้ฟื้นตัวได้..มีแต่ทำให้ยิ่งแย่ลงไปอีก ตอนนี้ก็มีแต่ถูกต้อนไปสู่เงินเฟ้อแบบ hyper ..ต้องทำ QE forever และก็ต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยเป็นศูนย์ ....ใครจะรู้..ถ้าออกพันธบัตรผลตอบแทนติดลบไม่มากนัก อาจมีบางประเทศอีเดียตในคอนโทรลยอมจ่ายเพื่อให้สหรัฐกู้ก็ได้ พวกเขาก็แค่ต้องการให้เกิดธุรกรรมการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจให้มันเดินหน้าไปได้ เพื่อจะได้มีรายรับทางภาษีต่อไป

ในช่วงหลายปีมานี้ จุดประสงค์ดูเหมือนจะเป็นแค่การเลื่อนการชักดาบของหนี้รัฐบาลสหรัฐและการปั๊มพ์ราคาหุ้นในตลาดให้สูงขึ้นเรื่อยๆ..ถึงแม้จะอยู่ในช่วงถดถอยสุดๆนับจาก Great Depression ...รัฐบาลปั้นตัวเลขการเติบโต..เงินเฟ้อ..และอัตราว่างงานมาตลอด แต่นับสิบปีติดต่อกันมาแล้วที่อัตราการเติบโตติดลบอยู่ที่ประมาณ 3% - 5%

วิกฤติตลาดบอนด์เริ่มขึ้นแล้ว Fed ต้องเริ่มเพิ่มการซื้อคืนมากขึ้นอีกพร้อมกับการลดดอกเบี้ย แต่นโยบายนี้นี่แหละเป็นตัวก่อปัญหา ...ตอนนี้มีทางเลือกอยู่สองทาง : ปล่อยให้ระบบมันพังไปเลย หรือซื้อเวลาไปอีกสักสองปีปล่อยให้มันเลวร้ายลงไปอีก นี่คือวิกฤติเลห์แมนแบบเป็นระบบ ที่แน่นอนว่ามันจะเลวร้ายกว่าเมื่อปี 2008 ถึงสามเท่า ......วิกฤติพันธบัตรซับไพร์มจะเกิดซ้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นระดับโลกเลย เริ่มจากพันธบัตรสหรัฐที่ตอนนี้ถูกปฏิเสธจากชาวโลกแล้ว

วิกฤติครั้งนี้น่าจะตั้งชื่อเรื่องได้ว่า หนี้ที่อิ่มตัว ....การทำ QE ในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นการเข้ามาทำลายเงินทุนครั้งมโหฬาร Federal Reserve ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการทำลายทั้งโครงสร้างทางการเงิน และโครงสร้างทางเศรษฐกิจของสหรัฐรวมตลอดถึงโลกตะวันตกทั้งหมด แต่พอมาถึงวันนี้ก็ยังมาถามหาถึงวิธีที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ....นี่จากปัญหาที่พวกเขาสร้างทางตันเอาไว้เองเลย

FALSE ADULATION, FAUILTY THEORY

การลงทุนในภาคสาธารณชนได้แสดงให้เห็นแล้วถึงการขาดวิสัยทัศน์ ...ย้อนไปเมื่อปี 2003-2004 ...Alan Greenspan ประกาศว่าวิกฤติการเงินจบสิ้นแล้ว เพราะได้แรงมหัศจรรย์จากสัญญาอนุพันธ์จำนวนมหาศาล แต่หลังจากนั้นมาแค่ 4 ปี วิกฤติซับไพร์มก็บังเกิด ทำให้มรดกบาปที่เขาวางเอาไว้เหลือเพียงกองขยะ ......แล้วพอมาถึงวันนี้ก็เอาอีกแล้ว Modern Monetary Theory ก็มายืนยันอีกว่าสามารถทำให้ปัญหาความเสี่ยงชักดาบของหนี้รัฐหมดไป และจะฟันฝ่าเงินเฟ้อรุนแรงไปได้โดยไม่มีวิกฤติ ....WRONG AGAIN!!

ชาวโลกตะวันตกไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากวิกฤติเลห์แมนครั้งที่ผ่านมา ..ไม่รู้เรื่องของปริมาณเงินและเครดิตที่มันมากเกินไป ..ไม่รู้เรื่องของวงจร boom & bust ในตลาดหุ้น ..และก็ไม่รู้ถึงความสำคัญของการฟื้นฟูฐานอุตสาหกรรมในสหรัฐ ....ตรงกันข้ามมีแต่เรียกร้องขอเพิ่มปริมาณเงินต้นทุนต่ำ เรื่องนี้จะจบไม่สวยแน่ ...อีกทั้งเวลานี้ ราคาทองคำก็เริ่มกระดิกตัวให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว คงหาทางแก้ลำบากแล้วแหละ

INFINITE Q.E. FOREVER AT ZERO BOUND

Federal Reserve ออกมาบอกใบ้ถึง อัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ (ZIRP) ทำควบคู่ไปกับ QE forever และแน่นอน ยังคงซื้อพันธบัตรไปเก็บต่อไป นโยบายนี้จะเป็นจุดหักเหของดอลล่าร์..พันธบัตร..และแม้กระทั่งมุมมองต่อโครงสร้างหนี้ของสหรัฐ ...จุดหักเหที่เป็นด้านลบ ก่อผลเสียต่อชื่อเสียงของสหรัฐเอง

ดูเหมือนว่าเงินเฟ้อรุนแรง hyperinflation เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่แล้วด้วยหลายๆเหตุผล

- การทำ QE เมื่อปี 2012 ถูกอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ประโยชน์จริงกลับกลายเป็นการเลื่อนการชักดาบของพันธบัตรสหรัฐ และเป็นการช่วยไม่ให้วอลล์สตรีทแบ้งค์พังลง ปริมาณเงินที่เพิ่มมาไม่ได้เข้าในภาคธุรกิจแท้จริง ในขณะที่ภาคธุรกิจแท้จริงก็อยู่ในช่วงถดถอย ....เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ประธาน Powell ก็ออกมาชี้ให้เห็นแล้วว่าการทำ QE ซื้อคืนพันธบัตรคงจะเป็นนโยบายถาวรของ Fed ไปแล้ว ...ตอนนี้ option เดียวที่เหลือคือการเกิด hyperinflation จาก QE Forever เท่านั้น ทองคำก็กำลังรอเวลา

- เศรษฐกิจสหรัฐอิงอยู่กับแนวทางที่เป็นอันตรายมา 20-30 ปีแล้ว มันทำให้เกิดความเสียหาย..การล้มละลาย..ทำลายมรดกบาปที่ Greenspan สร้างไว้ ความเสียหายนี้กระทบไปถึงภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกเพราะสหรัฐต้องปกป้องเงินดอลล่าร์ของตนโดยการรุกรานทางทหารไปทั่ว ...ตอนนี้ option เดียวที่เหลือคือการเกิด hyperinflation จาก QE Forever เท่านั้น ทองคำก็กำลังรอเวลา

- ภาระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐตอนนี้ควบคุมไม่อยู่แล้ว เกิน $21 อย่างรวดเร็ว ..ยิ่งกว่านั้น การขาดดุลงบประมาณที่ $1.3 ล้านล้าน รวมกับการขาดดุลการค้าอีก $1 ล้านล้าน สามารถทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศโลกที่สามได้เลย ...วิกฤติการขาดดุลชำระหนี้เริ่มขึ้นแล้วและมันต้องบานปลายแน่นอน ...วิธี finance หนี้รัฐบาลทางเดียวคือต้องซื้อคืนพันธบัตรของตน ซึ่งมันคือการซ่อนไว้ในเครื่องมือทางการเงินอนุพันธ์ ที่ส่วนใหญ่คือ สัญญา Interest Rate Swap (IRS) ...การขาดดุลก็ต้องการการ finance เช่นกัน ก็คงใช้เครื่องมือแบบเดียวกัน ...ตอนนี้ option เดียวที่เหลือคือการเกิด hyperinflation จาก QE Forever เท่านั้น ทองคำก็กำลังรอเวลา

- สหรัฐไม่สามารถจะยุติการทำสงครามได้ และยังมีข้อผูกมัดที่จะต้องเลี้ยงดูอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธ (military industrial complex) ...ซึ่งในที่สุดแล้วก็อาจจะต้องทำสงครามกับพันธมิตรของสหรัฐเอง แต่คงต้องหลบซ่อนและให้ข่าวโทษไปยังรัสเซีย จีนหรืออิหร่าน มูลค่าของธุรกิจการทหารใหญ่มาก จนงบประมาณด้านนี้ของสหรัฐในแต่ละปีสูงกว่าของทุกๆประเทศในโลกนี้รวมกันซะอีก นี่เป็นการเพิ่มการขาดดุลงบประมาณจนถึงขั้นทำลายเศรษฐกิจ ...นอกจากนี้ยังมัเรื่องของเงินที่หายไปจากกลาโหมซึ่งยังไม่เคยมีการตรวจสอบเลยในรอบ 40 ปี ...ตอนนี้ option เดียวที่เหลือคือการเกิด hyperinflation จาก QE Forever เท่านั้น ทองคำก็กำลังรอเวลา

- กิจการที่ดีอยู่ตอนนี้ อนาคตก็อาจต้องขอความช่วยเหลือ เริ่มจาก Boeing และ Wells Fargo ...ทั้งสองกำลังเริ่มส่งสัญญานแล้ว ...Boeing เริ่มพบกับออร์เดอร์ที่หายไปอย่างรุนแรง เห็นชัดจากการขาดทุนในไตรมาสที่ผ่านมา ...Wells Fargo ก็เผชิญกับการถอนกองทุนครั้งใหญ่จากจีน ในขณะที่ก็มีข่าวการโกงบัญชีลูกค้าของตนอีกด้วย ....ต่อมาก็ยังมีข่าวว่าอีกหนึ่งหรือสองแบ้งค์วอลล์สตรีทกำลังจะมีปัญหา อาจเป็น Bank of America หรือ CitiGroup ...ความเสี่ยงจากการลงทุนภาคพลังงานที่มีขนาดมหาศาลก็กำลังเผชิญกับธุรกิจของ shale oil ที่กำลังหดตัวลง รัฐบาลและ Fed คงต้องเข้าช่วยด้านการเงินกับธุรกิจนี้แน่ๆเพราะมันสำคัญต่อความมั่นคง ...ตอนนี้ option เดียวที่เหลือคือการเกิด hyperinflation จาก QE Forever เท่านั้น ทองคำก็กำลังรอเวลา

ปฏิกิริยาของตลาดการเงินทั่วโลกที่มีต่อ QE Forever ที่เริ่มจาก Fed และหนุนโดย Euro Central Bank น่าจะเห็นได้จากราคาทองคำจากนี้ไป ....ปริมาณการใช้ดอลล่าร์ในการค้าของโลกที่ลดลง จะทำให้ดีมานด์ของทองคำเพิ่มขึ้นอีก แต่อาจยังไม่เห็นราคาเพิ่มสูงมากในระยะนี้ เพราะการเปลี่ยนราคาอย่างก้าวกระโดดจะเกิดชั่วข้ามคืน

QUICK GLOBAL BREAKDOWN SIGNALS

มีสัญญานจากดัชนีหลายตัวที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงให้เห็นได้จากทั้งในสหรัฐและอีกหลายประเทศ ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจเลวร้ายมากทั่วโลก

จากกร้าฟของ Morgan Stanley Research โดยแหล่งข้อมูลจากวอลล์สตรีท ที่แสดงถึงอัตราเติบโตในรอบนี้ที่ติดลบถึง -4.4% YoY ...หลังจากไตรมาสก่อนหน้าที่ -3.6% YoY ....ปกติ Downcycle จะอยู่ประมาณ 4-6 ไตรมาสติดต่อกัน

เศรษฐกิจถดถอยจะปรากฏชัดขึ้นในไม่ช้าไม่ว่าตัวเลขที่รัฐบาลจะแสดงออกมาจะเป็นอย่างไร ....

Cr.Sayan Rujiramora

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"