หลังจากที่ไม่พอใจกับการที่จีนและยุโรปทำให้ค่าของหยวนและยูโรอ่อนกว่าดอลล่าร์เพื่อช่วยการส่งออกและเป็นการทำร้ายสหรัฐ เขากล่าวว่าถึงเวลาที่จะต้องทำให้ค่าของดอลล่าร์อ่อนลงเช่นกัน ...
นั่นเป็นการเตรียมการของทรัมพ์ เพราะถ้ามีการขึ้นภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าจีนหรือเยอรมัน เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐและเพิ่มรายรับภาษี ซึ่งก็มีเหตุผล
แต่คู่ค้าก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยการลดค่าเงินของตน
เช่น สินค้าจากจีนราคา $500 ในสหรัฐ ถ้ามีการขึ้นภาษีนำเข้า ราคาขายก็จะต้องเพิ่มไปอีก 25% คือ $125
ถ้าจีนมีการลดค่าเงิน 20% ...ราคาสินค้าภายในประเทศจีนเองก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ราคาสินค้าชิ้นเดียวกันนั้นในสหรัฐจะเท่ากับ $400 เมื่อขึ้นภาษี 25% คือ $100 ราคาขายก็จะเท่ากับ $500 เหมือนเดิมก่อนมีการขึ้นภาษี
มูลค่าของภาษีนำเข้าจึงถูกชดเชยด้วยการแทรกแซงค่าเงินจากคู่ค้านี่เอง
ทันทีที่มีการลดค่าเงินของประเทศหนึ่ง คู่ค้าก็มักจะลดค่าเงินของตนเป็นการตอบโต้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และนี่ก็คือการแข่งขันกันไปสู่ก้นเหว (race to the bottom) ....สงครามค่าเงินจะไม่มีผู้ชนะหรอก มันจะแข่งกันลดค่าจนเกิดสงครามการค้า
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจโลกมานับสิบปีแล้ว แล้วในที่สุดก็มักจะลงเอยที่สงครามที่มีการออกอาวุธ มันเกิดขึ้นแล้วเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งสอง หวังว่าสงครามค่าเงินและการค้านี้จะไม่นำไปสู่สงครามเช่นวิกฤติที่เกิดในยุค 1930s
ขณะเดียวกัน Federal Reserve ซึ่งเป็นผู้เล่นตัวสำคัญในสงครามค่าเงินเพราะ Fed นี่แหละคือผู้ควบคุมดอลล่าร์
โลกกำลังเฝ้าดูว่ามันกำลังจะออกนโยบายอะไรในการประชุมวันที่ 31 กรกฏาคมนี้ มันแทบไม่มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย โอกาสมีแค่จะลดหรือคงอัตราไว้ แต่ตลาดก็กำลังเดิมพันให้มีการลดดอกเบี้ย
ถ้า Fed ลดอัตราดอกเบี้ยลง เราก็จะได้เห็นปฏิกริยาจากธนาคารกลางต่างๆ ..แต่ Fed ก็ยังมีอีกหลายลูกเล่นที่จะใช้ในการประชุมปลายเดือนนี้
สิบปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนนโยบายของ Fed เป็นเรื่องที่พอจะเดาทางได้ เพราะมันเป็นโมเดลเรียบง่าย ...ตามโมเดลคือ Fed จะค่อยๆขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% จนถึงอัตราปกติที่ 4% (ซึ่งเป็นอัตราเผื่อที่จะลดลงได้..ในกรณีเกิดเศรษฐกิจถดถอยในวันข้างหน้า)
จะเกิดข้อยกเว้นที่จะหยุดการขึ้นดอกเบี้ย ก็ตอนที่อัตราว่างงานไม่ได้ลดลง ..หรืออัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวอย่างแรงจนอาจกลายเป็นเงินฝืด ..หรือตลาดไม่มีเสถียรภาพแบบที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนตลาดหุ้นสหรัฐใกล้จะเป็นตลาดหมี ..Fed จีงจะชะงักการขึ้นดอกเบี้ย
แต่ปัจจุบันเงื่อนไขเหล่านั้นไม่มีอยู่แล้ว การสร้างงานก็ดูดีขึ้น ตลาดหุ้นก็กลับมา all-time-high เงินเฟ้อก็ยังคงที่ แต่ก็มีแฟคเตอร์ใหม่เข้ามาที่ทำให้กลัวว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย
ประมาณการเติบโตของไตรมาสสองของปี 2019 คือ 1.3% เปรียบเทียบกับ 3.1% ของไตรมาสแรก ...Fed จึงกังวลว่าถ้าไม่ลดดอกเบี้ยลง อาจเกิด correction ครั้งใหญ่หรือเศรษฐกิจถดถอยได้
แต่ถ้ามีการลดดอกเบี้ย ผลของมันอาจทำให้เกิดเงินเฟ้อจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นเนื่องจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น
Fed อาจตัดสินใจนาทีสุดท้ายก็ได้ ตัวเลขการเติบโตไตรมาสสองจะมีการรายงานในวันที่ 26 กรกฎาคม ...เงื่อนไขทั้งหลายของการเกิดเงินเฟ้อคงจะพร้อมก่อรการตัดสินใจในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ถ้า Fed ไม่มีการลดดอกเบี้ยอีก เราอาจได้เห็นตลาดเทขายกันแน่ๆ ...แต่ทั้งตลาดและ Fed น่าจะต้องรอจนนาทีสุดท้าย
โลกกำลังเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด
Regards,
Jim Rickards
for The Daily Reckoning
Cr.Sayan Rujiramora
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you