“เนินพระวิหาร , ศูนย์รวมความเชื่อ​ ความศรัทธา ความขัดแย้ง และสัญญานเตือนที่เพิ่งถูกส่งมา”

... “เนินพระวิหาร" หรือ "อัลฮะเราะมุชชะรีฟ" ในภาษาอาหรับ Temple Mount เป็นเนินเขาเล็กๆที่มนุษย์สร้างขึ้นมาในเขตเมืองเก่าของ “เยรูซาเลม” อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่าพันปีของสามศาสนาคือ ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม

ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 740 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

... มีสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ ความจริง ของทั้งสามศาสนาสร้างบนเนินเขาเล็กๆแห่งนั้น

... “คัมภีร์ไบเบิล” ระบุว่า วิหารของชาวยิวตั้งอยู่บน “เนินพระวิหาร” และ “พงศาวดารของยิว” ก็ได้ระบุว่า “พระ วิหารแรก” ถูกสร้างขึ้นในสมัยของ “กษัตริย์ซาโลมอน” (หรือ โซโลมอน หรือ นบีสุลัยมาน นบีลำดับที่ 20 จากทั้งหมด 25 นบี ตามคัมภีร์อัลกุรอ่านของอิสลาม ) เมื่อ 957 ปีก่อนคริสตกาล และถูกทำลายลงโดย บาบิโลเนีย เมื่อ 586 ปีก่อนคริสตกาล รวมเวลาที่พระวิหารแห่งแรกของกษัตริย์โซโลมอนตั้งอยู่ เป็นเวลา 371 ปี

... ( แต่ปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีที่มากเพียงพอที่จะมายืนยันการสร้างวิหารในครั้งแรกนี้ได้ และตามแนวคิดของชาวมุสลิมบางสายก็บอกว่า “มหาวิหารโซโลมอน” นั้นไม่มีจริง เป็นเพียงการสร้างตำนานบอกเล่าสืบต่อกันมาเท่านั้น และเชื่อว่าวิหารแห่งแรกดังกล่าวนั้นก็คือมัสยิดอัลอักซอนั่นเอง )

... ส่วน “พระวิหารที่สอง” ถูกสร้างขึ้นในสมัยของเศรุบบาเบล Zerubbabel เมื่อ 516 ปีก่อนคริสตกาล และถูกพวกโรมันทำลายลงในปีค.ศ. 70 “ตามคติของพวกยิวแล้ว พระวิหารที่สามซึ่งจะเป็นหลังสุดท้าย” จะถูกสร้างขึ้นจาก “ซากของพระวิหารที่สอง” บนเนินเขาแห่งนี้แต่ก็ยังไม่ได้สร้างจนถึงปัจจุบัน เช่น ซากที่เห็นของมหาวิหารที่สองก็เช่น “กำแพงประจิม” หรือ “กำแพงตะวันตก” ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนายิวและเป็นสถานที่ที่ชาวยิวหันไปหาในระหว่างการสวดมนต์ เนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดชาวยิวจำนวนมากจะไม่เดินบนเนินเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Holy of Holies หรือ “ที่ประทับของพระเจ้า” เนื่องจากตามกฎหมายของแรบไบ

... “กำแพงประจิม”

... ชาวยิวจะเรียกกำแพงนี้ว่า “กำแพงประจิม” เนื่องจากว่าตั้งอยู่ทางตะวันตกของ "เนินพระวิหาร" ส่วนชาวคริสต์จะเรียกกำแพงนี้ว่า “กำแพงโอดครวญ” เพื่อสะท้อนเหตุการณ์ที่ชาวยิวต่างพากันมาร่ำร้องโอดครวญกันที่กำแพงแห่งนี้ในวันที่พวกโรมันเข้ายึดครองเยรูซาเลมในคศ 70 และ “พระวิหารที่สอง”ของพวกยิวถูกทำลาย ชาวมุสลิมได้เกิดการปะทะกับชาวคริสต์ขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1929 ในประเด็นเกี่ยวกับการครอบครอง “กำแพงประจิม” ในช่วงเวลานั้นอำนาจเหนือดินแดนแถบนี้อยู่ในมือของ “อังกฤษ” อังกฤษได้ตัดสินใจให้กำแพงยังคงอยู่ในมือของชาวมุสลิม แต่ชาวยิวสามารถใช้เพื่อการแสวงบุญในสถานที่แห่งนี้ได้โดยมีเงื่อนไขว่าพวกเขาจะต้องไม่นำเครื่องบูชาเฉพาะของตนเข้าไปในเขตเนินพระวิหาร ตั้งแต่นั้นมา กำแพงแห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่ชาวยิวสามารถประกอบพิธีได้ แม้ว่าตามหลักศาสนายูดาห์แล้ว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดจะอยู่ด้านในกำแพง

... ปัจจุบัน เนินเขาแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของ “ศาสนายูดาห์” ของชาวยิว

... ในฝ่าย “ศาสนาอิสลาม” “อิสลามนิกายซุนนี”จะถือว่าเนินเขาแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเป็นลำดับสาม โดยเดิมนั้นเชื่อว่าอาณาบริเวณทั้งหมดนี้มีชื่อเรียกว่า “อัลอักซอ” แต่ในสมัยอ็อตโตมัน ที่มีศาสนสถานถูกก่อสร้างขึ้นมามากมาย จึงเรียกพื้นที่ทั้งหมดว่า “อัลฮะเราะมุชชะรีฟ” , ชาวมุสลิมเชื่อว่าเป็นที่ องค์อัลลอฮ์ได้พานบีมุฮัมมัดเดินทางข้ามจากสุเหร่าศักดิ์สิทธิ์ในนครมักกะฮ์มายังอัลอักศอ ( เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “อิสรออ์” ) และตัว "มัสยิดอัลอักซอ" ที่เข้าใจในปัจจุบันที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้และ “กิบลัต“ หรือ “หันหน้าไปหาเมืองเมกกะ” ที่อยู่ห่างไกลออกไปริมฝั่งกึ่งกลางทะเลแดงนั้นเป็น “สถานที่ที่นบีมุฮัมมัดถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ไปพบอัลลอฮ์” ( เรียกเหตุการณ์นี้ว่า เมียะอ์รอจญ์ ) นั้นก็มี สิ่งก่อสร้างในสมัยราชวงศ์อุมัยยะฮ์บนเนินเขาแห่งนี้ได้แก่ “มัสยิดอัลอักซอ” ศาสนสถานที่สำคัญอันดับที่สามของศาสนาอิสลาม , ซึ่งในอดีตนั้น อาณาบริเวณนี้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโดมเงินหรือโดมทอง, หอสุเหร่าทั้งสี่, ประตูทั้งสิบเจ็ด ล้วนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "อัลอักศอ"

… “โดมทองแห่งเยรูซาเลม” หรือ "โดมแห่งศิลา" Dome of the Rock ตลอดจนหอสูงทั้งสี่ มีประตูอยู่ 11 ประตูเพื่อเข้าไปภายในอาณาเขตแห่งนี้ โดยสิบประตูสงวนไว้สำหรับชาวมุสลิม และอีกหนึ่งประตูสำหรับผู้ไม่ใช่มุสลิม ( ถ้ามีการส้ราง "พระวิหารที่สาม" ของชาวยิว อาจจะสร้างระหว่าง อัลอักซอ กับ โดมแห่งศิลา

... ปัจจุบัน “เนินพระวิหารแห่งนี้” ยังคงเป็นที่แก่งแย่งกันระหว่าง “ศาสนายูดาห์กับศาสนาอิสลาม” ฝ่าย “อิสราเอล” ได้ส่งหน่วยรักษาความปลอดภัยไปควบคุมบริเวณนี้ ได้เข้าควบคุมเนินเขาแห่งนี้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1967 โดยที่ทั้งรัฐบาลอิสราเอลและองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ต่างอ้างสิทธิเหนือเนินเขาแห่งนี้ ข้อพิพาทดังกล่าวยังคงเป็นประเด็นการเผชิญหน้าที่สำคัญมากๆใน “ความขัดแย้งอาหรับ-อิสราเอล”

... และ “เนินพระวิหาร”แห่งนี้ ก็เป็นที่กำเนิดก่อตั้งคณะอัศวินเทมพลาร์” ในปี 1129 ในช่วง “สงครามครูเสด” ด้วย

... หลายตำนานของ “อัศวินเทมพลาร์” เกี่ยวข้องกับกองบัญชาการในยุคต้น ๆ บน “เนินพระวิหาร” ในเยรูซาเลมซึ่งมีการคาดเดากันว่าเทมพลาร์อาจพบศาสนวัตถุโบราณบางอย่างที่เนินเก่าแก่นั่น เช่น “จอกศักดิ์สิทธิ์” หรือ “หีบแห่งพันธสัญญา” ผ้าห่อศพแห่งตูริน นั่นก็คือเทมพลาร์ต้องครอบครองสิ่งศักดิ์สิทธิ์บางอย่างอยู่แน่นอน โบสถ์หลายแห่งนั้นยังคงแสดงวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ เช่น กระดูกนักบุญ เศษผ้าสวมใส่โดยนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์ หรือกะโหลกของมรณสักขี (martyr) เทมพลาร์ก็ทำเช่นเดียวกัน มีบันทึกของเทมพลาร์ว่ามีกางเขนแท้ (True Cross) ชิ้นหนึ่งที่มุขนายกแห่งเอเคอร์นำติดตัวเข้าสู่การรบที่พบกับความย่อยยับที่เขาแห่งฮัททิน เมื่อการรบยุติลง “ศอลาฮุดดีน” ได้ยึดศาสนวัตถุโบราณชิ้นนี้ไป ภายหลังนักรบสงครามครูเสดได้ไถ่คืนกลับมาเมื่อมุสลิมยอมจำนนที่เมืองเอเคอร์ในปี ค.ศ. 1191นอกจากนี้เป็นที่รู้กันว่าเทมพลาร์ได้ครอบครองศีรษะของนักบุญยูฟีเมียแห่งคาล์เซดอน (Saint Euphemia of Chalcedon) มีประเด็นของศาสนวัตถุโบราณที่พบระหว่างการสืบสวนพวกเทมพลาร์ ตามเอกสารการพิจารณาคดีหลายฉบับระบุการสักการะรูปเคารพบางชนิด เช่น แมว ศีรษะมนุษย์ที่มีเครา หรือในบางกรณีเป็น “บาโฟเมต” หรือ “ซาตานในรูปตัวคนศรีษะแพะ” (Baphomet) ข้อกล่าวหาเหล่านี้ นำไปสู่ความเชื่อในปัจจุบันที่ว่าเทมพลาร์ฝึกฝนการใช้เวทมนตร์คาถาอย่างไรก็ตาม นักวิชาการส่วนใหญ่ในปัจจุบันได้อธิบายว่าชื่อบาโฟเมตจากเอกสารพิจารณาคดีเป็นการสะกดชื่อมุหัมมัด (Mahomet) ผิดในภาษาฝรั่งเศส แต่นักวิชาการบางคนตีความว่า บาโฟเมตนั้นเป็นปริศนาการซ่อนคำที่ปิดไว้คือคำว่า “โซเฟีย” ที่เป็นเทพสตรีของกรีกโบราณ

... ในความเป็นจริง นักวิชาการกระแสหลักส่วนใหญ่เห็นว่าเรื่องของ “จอกศักดิ์สิทธิ์” เป็นเพียงที่นิยายวรรณกรรมที่เริ่มแพร่หลายในยุคกลาง

... ในปีนี้ 15 เมษายน 2019 มีการเกิดเพลิงไหม้ที่ “มหาวิหารนอเทรอดาม” ในปารีส และ “มัสยิดอัลอัคซอ” ในเยรูซาเลมพร้อมกัน ท่ามกลางบริบทที่ก่อนหน้านั้นมีประกาศและรับรอง “เยรูซาเลม” เป็นเมืองของ “อิสราเอล” อย่างเป็นทางการโดย “อเมริกา” ที่สหประชาชาติไม่ได้รับรอง ท่ามกลางการประท้วงอย่างต่อเนื่องของชาวปาเลสไตน์ที่นั่น รวมทั้งการกราดยิงที่มัสยิดในไครทช์เชิร์ช นิวซีแลนด์ และการก่อตัวของแนวคิดขวาขัดที่ยุโรป ทำให้เกิดการเกลียดกลัวมุสลิมทั้วยุโรปและทั่วโลก หือ Islamophobia ทำให้มองว่าเพลิงไหม้ดังกล่าวอาจจะเป็นการส่งสัญญานบางอย่างให้กับชาวโลกได้เตรียมตัวเตรียมใจพบกับการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างหลังจากนี้

... “คริสตจักรคาทอลิก” มีศูนย์กลางอยู่ที่วาติกัน “ศาสนจักรอิสลาม” มีศูนย์กลางอยู่ที่เมกกะ แต่ “มหาวิหารแห่งที่สามของยูดาย” แห่งสุดท้ายของชาวยิวตามความเชื่อนั้นต้องอยู่ที่ “เยรูซาเลม” บน “เนินพระวิหาร” แต่ก็ยังไม่ได้สร้างเสียที และพวกเขาก็ต้องการสร้างขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของจิตใจ วิญญาณของชาวยิวทั่วโลกให้ได้ในเร็วๆนี้ คนยิวนั้นแม้จะเก่งกาจปราดเปรื่องเรื่องวิทยาศาสตร์มากแค่ไหน แต่ก็เชื่อมั่นในเรื่องศาสนาและความเป็นเอกภาพของคนที่จะเกิดตามมาจากความเชื่อมั่นในศาสนานั้นมากด้วยเช่นกัน

คลิก

คลิก

คลิก

คลิก

Cr.Jeerachart Jongsomchai

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #pepperstone #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"