สามปัจจัยที่จะทำให้ราคาทองคำ Breakout

ในที่สุด เกมการกดราคาทองคำดูเหมือนว่าจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว จากปัจจัยในประเทศคือ QE ..ปัจจัยนอกประเทศคือ SGE (ตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้) ..ปัจจัยของระบบคือ Basel (เกณท์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน) ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้มีผลอย่างมากทีจะเปลี่ยนแปลง

และปลดปล่อยทองคำจากการบีบคั้นของพวกแบ้งเกอร์ Anglo-American ...พวกนี้ไม่เพียงทำลายโครงสร้างการเงินของประเทศต่างๆ เพื่อสร้างอำนาจที่เหนือกว่า แต่ยังรักษาสิทธิ์ในการพิมพ์เงินสร้างหนี้ดอกเบี้ยต่ำนับล้านล้านดอลล่าร์อีกด้วย

พวกแบ้งค์เจ้าของ Federal Reserve ..ธนาคารกลางยุโรป ..Bank of England ได้มีการอนุมัติให้ตัวเองได้รับเงินฟรีๆ ในลักษณะการปล้นมาตลอดหนึ่งศตวรรษ เต็มๆ ..ตลอดเวลาสิบปีนับตั้งแต่วิกฤติ Lehman Bros. ระบบการเงินของหลายประเทศแก้ปัญหาของ mortgage bonds ที่เป็นต้นเหตุอย่างขาดความระมัดระวัง ....และยังมีการฉ้อฉลในทุกๆธุรกรรม ..การค้ำประกัน ..การแปลงข้อมูล ..การสร้างดีมานด์เทียม

พวกแบ้งค์ทั้งของสหรัฐและอังกฤษ ได้ทำให้พันธบัตรสหรัฐกลายเป็นปัญหาซับไพร์มในระดับโลกไปแล้ว ..เป็นผลจากการใช้ QE แบบไร้ความรับผิดชอบ

พายุร้ายทางการเงินที่จะเกิด จะเลวร้ายกว่าวิกฤติการเงินเมื่อปี 2008 ที่เกิดจากวิกฤติซับไพร์มพันธบัตรจำนอง ..ถึงสามเท่า ครั้งนี้มันจะเกิดในระดับโลก ตลาดพันธบัตรสหรัฐขณะนี้ไม่มีผู้ซื้ออีกแล้ว แถมยังมีการดั๊มพ์ทิ้งอีกด้วย ..ที่ยังคงอยู่ได้ก็ด้วยสัญญาอนุพันธ์ที่มาช่วยสร้างดีมานด์จอมปลอมเท่านั้น ..หุ้นกู้บริษัทเอกชนก็ถูกจัดชั้นเป็น BBB จั๊งค์บอนด์ไปแล้ว หลังจากที่มีการออกหุ้นกู้เหล่านี้ปีแล้วปีเล่า เพื่อมาซื้อหุ้นของตนคืนในตลาดหลักทรัพย์หรือทำอ้อปชั่น การลงทุนแบบผิดทิศผิดทางกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

พันธบัตรของเหล่าประเทศตลาดเกิดใหม่ก็เต็มไปหมดในธนาคารของตะวันตก มีการกู้เงินเพื่อมาจ่ายดอกเบี้ยวนเวียนไป ..พอจะบอกได้ว่าพันธบัตรทั้งหมดทั่วโลกได้กลายร่างเป็นซับไพร์มกันไปหมด นำฝูงโดยพันธบัตรสหรัฐ US Treasury Bonds

ย้อนหลังไปเมื่อปี 2012 ตอนที่สวิส peg ค่าเงินฟรังค์สวิสที่ 1.20 ต่อ €1 ..นโยบายการเงินตอนนั้นก็เพื่อแผนการกดราคาทองคำโดยใช้ ดอลล่าร์ ยูโร ฟรังค์สวิส ..ซึ่งก็ทำได้สำเร็จ ทำให้ราคาทองคำลดลงมาได้จาก $1,900/oz เป็นการทำอย่างเต็มสตีมของธนาคารกลางยุโรป ร่วมกับการสว้อปกับดอลล่าร์ ตามด้วยนโยบาย QE จาก Fed ...ทำให้ราคาทองคำตั้งแต่นั้นก็กลับมาอยู่ในร่องในรอยของ range ที่ต้องการได้

ในช่วงสิบปีมานี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไขเลย ไม่แม้แต่พยายาม ในขณะที่การคอรัปชั่น การใช้นโยบายผิดๆ แบบที่เคยเกิดกับ Lehman ก็เกิดขึ้นอีก คราวนี้มาในสเกลระดับโลกเลยแหละ..

หนี้ของพวกตลาดเกิดใหม่พร้อมที่จะระเบิดแล้ว ..เปโตรดอลล่าร์ก็ถูกรื้อกระจายแล้ว ..ราคาน้ำมันก็ยังไม่มีทางโงหัวเกิน $60 -$65 ไปได้ ..ดังนั้น ในพอร์ทพลังงานของวอลล์สตรีท ก็เต็มไปด้วยหนี้ของพวก shale ซึ่งก็พร้อมจะระเบิดเหมือนกัน ..หุ้นกู้ทั้งหลายก็จะกลายเป็นจั๊งค์ นำขบวนพาเหรดโดย GE, General Motors, Deutsche Bank.. 3 บริษัทแค่นี้ก็ $1 ล้านล้านเข้าไปแล้ว แต่ big story อยู่ที่ US Treasury ที่จะนำขบวน subprime bonds ของโลกเลย

3 แฟคเตอร์ที่จะร่วมกันส่งให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นที่จะเป็นการพลิกหน้าของ chapter บทใหม่ ..นั่นคือเรื่องของ ..การทำ QE ของสหรัฐ ..ตลาดค้าทองคำเซี่ยงไฮ้ ..กฏเกณท์ของแบ้งค์ที่เรียกว่า Basel จากตัวแม่ของธนาคารกลาง BIS เราต้องสำนึกรู้ก่อนว่า ตลอดเกือบศตวรรษก่อนหน้านี้ ราคาทองคำเกี่ยวพันอย่างแน่นหนากับปริมาณเงิน money supply ..จนมาเมื่อสิบปีหลังนี้เองที่ปริมาณเงินที่อยู่บนฐานของ USD เพิ่มมาเกือบสามเท่า กระบวนการนี้ก็เหมือนการสร้างคอยล์สปริงของราคา มันจะต้องปรับตัวไปสามเท่าเป็นการตกเบิก ทั้งหมดจากปัจจัยที่กล่าวถึงทั้งสามนั้น

ปัจจัยที่หนึ่ง -- INTERNAL – QE

เหตุการณ์ที่ผ่านมามันผลักดันให้ต้องมีการทำ QE ครั้งใหญ่อีก ..การทำ Tightening ที่ผ่านมาล่าสุดพิสูจน์แล้วว่าเป็นหายนะ ทีนี้ก็จะต้องกลับหลังหันมาสู่การพิมพ์เงินเพื่อซื้อคืนพันธบัตรครั้งใหญ่อีก ..ซึ่งบางทีคราวนี้ คงจะต้องรวมเอาบอนด์ทุกชนิด ทั้งของรัฐ..หุ้นกู้เอกชน.. Bank bonds.. รวมถึงสัญญาจำนองต่างๆ แม้แต่หนี้พลังงานของพวก shale ที่ว่า หนี้ทั้งหลายกำลังจะแปลงร่างถูก monetized เพื่อช่วยชีวิตระบบการเงินของโลกตะวันตกครั้งใหญ่อีกแล้ว

เรียกมันว่า QE FOREVER bond initiative ละกัน เป็นการโปรยเงินเข้าระบบแบ้งกิ้งตะวันตก ..ในการนี้ ทองคำจะถูกผูกติดกับจรวดพุ่งขึ้นสูงในท่ามกลางซากปรักหักพังของ money ที่เกิดขึ้นจากการพยายามปกป้องระบบแบ้งกิ้งไม่ให้พังทลาย

ระบบการเงินของโลกทั้งระบบอยู่ใต้อิทธิพลของ balance sheets ที่ใหญ่มหาศาลของธนาคารกลาง ทรัพย์สินของธนาคารกลางทั่วโลกตอนนี้กำลังหดตัวลง เมื่อเทียบกับ GDP เป็นครั้งแรกนับจากวิกฤติปี 2008 ...ความเสี่ยงไม่ได้เกิดแค่ตลาดการเงินเท่านั้นใน แต่เกิดในภาคเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะแบ้งค์ชาติทั้งหลายต่างก็เอาแต่หนุนการเงินเข้าระบบอย่างเดียว

Fed เพิ่มขนาดของ balance sheet ของตนอย่างมหาศาลในช่วงสิบปีหลังมานี้ มันเพิ่มจาก $9 แสนล้านในปี 2008 เป็น $4.3 ล้านล้านปี 2018 ..Fed เก็บเอาความเสี่ยงของหนี้ทั้งหลายเอาไว้ เพื่อยืดเวลาการล่มสลายออกไปเรื่อยๆ

พันธบัตรของสหรัฐกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการแล้ว ..การทำ tightening เมื่อปีที่แล้วทำให้ตลาดการเงินถูกสั่นสะเทือนอย่างแรง ..คณะกรรมการชุดใหม่ Fed Open Market Committee คาดว่าการทำ QE คงต้องเป็นนโยบายถาวรเสียแล้ว ..Welcome QE FOREVER

ฝ่ายวางแผนของ Fed คงต้องปล่อยให้เกิดเงินเฟ้อมากขึ้น ทั้งด้านการเงินและด้านราคา ผลของมันจะไปปรากฏชัดที่ราคาทองคำ ..พวกเขาต้องตัดสินใจเด็ดขาดอีกครั้งไม่ช้าก็เร็ว เพราะเดิมพันคือ การล่มสลายของระบบการเงินโลก

Federal Reserve ไม่มีเครดิตเหลืออีกแล้วในเวทีโลก พวกเขากำลังจะต้องประกาศการทำ QE เต็มรูปอีกแล้ว ....ไม่ช้า พันธบัตรสหรัฐจะถูกมองเป็น subprime bonds ของโลก และจะต้องหยุดพักชำระคืนในที่สุด อาจต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้กันเลย ...

ใน episode ต่อไป มีแต่ทองคำเท่านั้นที่จะเป็น safe haven ที่ยอมรับกันทั่วโลก ..เพราะ USTbonds ก็กลายเป็นซับไพร์มที่หนุนโดยอนุพันธ์ที่ซื้อขายกันเอง..แถมชาวโลกก็พากันดั๊มพ์ทิ้งเสียอีก...

(มีต่อ).....

Cr.Sayan Rujiramora

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"