นับแต่ปี 2009 มา เศรษฐีใหญ่ของโลกมีเงินเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว

หลายครั้งในประวัติศาสตร์ ที่กลุ่มชาวนาลุกฮือออกตามล่าฝ่ายอิลิท มันมักจะเกิดขึ้นเมื่อช่องว่างทางฐานะห่างออกไปสุดๆ ...และเมื่อคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งจนไม่มีโอกาสที่จะเงยหน้าได้เลย

ธนาคารกลางทั่วโลกพากันพิมพ์เงินเพิ่มเข้าระบบนับล้านล้านดอลล่าร์ในช่วงสิบปีหลังมานี้ และดันให้อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดๆยันศูนย์เปอร์เซนต์ ..เงินมหาศาลที่อ้างว่าออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้..กลับไหลตรงเข้ากระเป๋าของพวกที่รวยอยู่แล้ว..ให้รวยมากยิ่งขึ้น

นับแต่ปี 2009 มา เศรษฐีใหญ่ของโลกมีเงินเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว ..จากที่รวมกันทั้งหมดมีอยู่ $3.4 ล้านล้าน..จนถึงปี 2017 พวกเขามีรวมกันถึง $8.9 ล้านล้านเข้าไปแล้ว

แค่ Mark Zuckerberg คนเดียวก็มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 20 เท่า ..จาก $3,000 ล้านในปี 2009 มาเป็น $58,000 ล้านในปี 2019

$8.9 ล้านล้าน เป็นจำนวนเงินมหาศาล ...แต่มันก็มีเหตุผลนะ คนพวกนี้น่ะหาเงินเก่งอยู่แล้ว มันเป็นการพอกพูนของทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อน คล้ายๆลูก snow ball ...ถ้ามีเวลาอีก พวกเขาก็เพิ่มได้มากขึ้นไปอีก

ในรอบสิบปีมานี้ เราได้เห็นเงินเฟ้อด้านราคาทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมหาศาลในทุกอย่าง เริ่มจาก..ราคาหุ้น พันธบัตร อสังหาฯ ไปจนถึงศิลปวัตถุต่างๆ

แต่สำหรับพวกเราๆที่ไม่มีทรัพย์สิน ก็ต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ..รวมถึงพวกกินแต่เงินเดือนและคนชั้นกลางน่ะ ความมั่งคั่งที่มีอยู่น้อยนิด มันไม่ขยับไปไหนเลย

เรืองนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นเรื่องระดับโลกเลยแหละ

กลุ่มที่ยากจนที่สุดครึ่งหนึ่งของโลก 3.8 ล้านคน ยากจนเพิ่มขึ้นถึง 11% แค่ปีที่แล้วปีเดียว ..นี่ข้อมูลจาก Oxfam ..กลุ่มผู้พยายามขจัดความยากจนของโลก

The New York Times รายงานว่า คนที่รวยที่สุดของโลก 8 คน มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่าทรัพย์สินของคน 3.8 พันล้านคนเหล่านั้น

Forbes ก็รายงานว่า ...3 คนอเมริกันที่รวยที่สุด มีความมั่งคั่งมากกว่าคนอเมริกันที่ยากจนครึ่งประเทศ

คนส่วนใหญ่ในโลกรู้สึกว่าตัวเองติดกับ ไม่มีทางที่จะได้มีส่วนร่วมพบกับความร่ำรวยได้เลย พวกเขาเห็นแต่เงินที่ฝ่ายรัฐโปรยล่องลอยผ่านหัวไปมา เห็นคนรวย เห็นตลาดหุ้น ตลาดทรัพย์สินที่มันบูม ...แต่ไม่เห็นทรัพย์ของตัวเองเลย

การขาดการผ่องถ่ายที่ควรนี่แหละ ที่จะเป็นตัวผลักดันมวลชนให้ลุกขึ้นมา

คน 3.8 พันล้านคนยากจนเพิ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ..แล้วอีกกี่คนล่ะที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ..คนส่วนใหญ่ในโลก ฐานะคงเดิม..หรือไม่ก็แย่ลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง รวยมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

มันก็ฟังดูเหมือนพวกฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงอยู่นะ ถ้าจะบอกว่า เมื่อช่องว่างทางฐานะมันห่างออกไปมากๆ จนถึงจุดหนึ่ง ...ก็จะได้เวลา correction

การเปลี่ยนแปลงบางทีมันก็เป็นไปตามระบบของกฏหมาย ...แต่บางทีมันก็ออกแนวนอกระบบที่เกิดขึ้นด้วยความรุนแรง ..คนส่วนใหญ่ต้องการให้นักการเมืองช่วยในเรื่องการกระจายความมั่งคั่งในสังคม ..นักการเมืองที่ส่วนใหญ่ก็ยังอดอยากหิวโหย ก็พร้อมที่จะเข้ามา ...แต่เข้ามาพร้อมกับถือช้อนส้อมมาเลย...

เรื่องเหล่านี้กำลังจะได้เห็นแล้วในอเมริกา

สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ค Bill de Blasio กล่าวสุนทรพจน์ "พี่น้องขรับ..(เวลาอ่านควรออกสำเนียงนักการเมือง)...เงินมีอยู่มากมายในโลก และในมหานครแห่งนี้ แต่มันไปอยู่ผิดที่ ผิดมือ..."

นอกจากนี้ ดาวรุ่งดวงใหม่ของคองเกรส Alexandra Ocasio-Cortez (สส.นักเคลื่อนไหวเดโมแครท) หนุนให้มีการขึ้นภาษีเงินได้จนถึง 70%, จัดให้มีการรักษาพยาบาลฟรี, การศึกษาฟรี, กระจายความร่ำรวยเท่าเทียมกัน (a chicken in every pot) ....แน่นอนที่ว่า เธอโทษว่า เรื่องทั้งหมดมาจากระบบทุนนิยมนี่เอง

Ray Dalio ผู้จัดการกองทุน Bridgewater กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่กำลังกระทบไหล่กับพวกอิลิทระดับโลก..อยู่ใน รีสอร์ทสกีที่ ดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ ....ก็กล่าวในหมู่ผู้เข้าร่วมประชุมว่า ไอเดียของนักการเมืองดาวรุ่งสาววัย 29 นั้น น่าจะเป็นไปได้

แต่ Paul Krugman นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลคิดว่า อัตราภาษี 70% ที่ Alexandra Ocasio-Cortez บอกมานั้นต่ำไป ...มันน่าจะอยู่ระหว่าง 73% - 80% ...เหลือไว้ให้คุณๆผู้เสียภาษีแค่ 27% ก็พอแล้ว...

สาธารณชนก็ดันเห็นชอบความคิดนี้ซะด้วย

จากผล Gallup Poll ..คนวัย 18 - 29 ปี ถึง 51% นิยมชมชอบกับระบบสังคมนิยม

มีเพียง 45% ที่เห็นชอบกับระบบทุนนิยม ..แต่มันก็น้อยกว่าผลโพลล์เรื่องเดียวกันกลุ่มคนวัยเดียวกันเมื่อหลายปีก่อนที่สูงถึง 68%...

นอกจากนี้ สมาชิกพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งอเมริกา Democratic Socialists of America ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นถึง 7 เท่าในชั่วเวลา 2 ปี

พรรคนี้น่าจะมีตัวเก็งที่จะทำ primary ในปี 2020

*********

Sovereign Man
Get Ready– they’re coming for your money
Simon Black. Jan 22, 2019

Every so often throughout history, the peasants grab their pitchforks and come for the elite. It happens when the wealth gap grows too extreme… when people feel like they are getting left behind, with no opportunity to advance.

Central banks around the world have printed trillions of dollars over last decade, and pushed interest rates to zero, and sometimes below. And all of that stimulus went directly into the pockets of the wealthy.

Since 2009, the world’s billionaires more than DOUBLED their combined wealth. All the billionaires in the world had $3.4 trillion in 2009. By 2017, they amassed $8.9 trillion.

Mark Zuckerberg multiplied his wealth almost 20 times over, from $3 billion in 2009, to over $58 billion in 2019.

$8.9 trillion is a massive, almost incomprehensible amount of wealth.

But it really shouldn’t be that surprising if you think about it… these people are wealthy for a reason. Typically, they are pretty good at making money. And with the snowball effect, if you give them more time, they will probably make even more.

For the last ten years, we’ve seen a huge asset price inflation in everything from the stock market, to bonds and real estate, and even fine art and wine.

But if you’re a wage earner without assets, you’ve been left out. Wages and median household wealth have stagnated.

And this is a global issue…

The combined wealth of the poorest half of the world–3.8 billion people–fell by 11% just last year, according to Oxfam, a group working to alleviate poverty.

The New York Times claims the richest 8 people on the planet have more wealth than the poorest 3.8 billion.

And Forbes says the 3 richest Americans have as much wealth as the poorest half of the country’s population.

People feel trapped, like they have no path to prosperity. They see money thrown around by the government, and the rich. They see stocks and real estate boom… but where is theirs?

It’s this lack of MOBILITY that really gets the masses worked up.

3.4 billion people got poorer last year. How many more stayed exactly where they were, or barely budged? The vast majority of the global population is the same or worse off than they were 12 months ago.

Meanwhile a tiny group got embarrassingly rich.

I’m not trying to sound like some radical, left-wing, social justice warrior. I just know that throughout history, whenever the wealth gap gets large enough, it corrects.

Sometimes that happens through legislation and sometimes it happens through violence. People demand that their politicians forcefully redistribute the wealth. And the politicians, always hungry for more power, are happy to step up to the plate.

We’re starting to see this in America today.

Last week we talked about New York City Mayor Bill de Blasio’s speech in which he said: “Brothers and sisters, there’s plenty of money in the world. There’s plenty of money in this city. It’s just in the wrong hands.”

What he meant was that the people who earned the money shouldn’t get to keep it.

Then there’s the new star of Congress, Alexandra Ocasio-Cortez. She supports hiking income taxes up to 70%, providing free medical care, free college, a chicken in every pot and a unicorn in every garage.

And, of course, she blames capitalism for everything wrong with the United States… and says “it will not always exist in the world.”

Ray Dalio, manager of Bridgewater, the world’s largest hedge fund, is hobnobbing with the global elite at a Swiss ski resort in Davos. He says that among the attendees, the ideas of this 29-year-old freshman Congresswoman are actually taking root.

Nobel Laureate economist Paul Krugman thinks AOC’s 70% is too low.

Somewhere between 73% and 80% is the optimal tax rate he says. Under his plan, the government will graciously let you keep up to 27% of what you earn.

Unfortunately, the public likes what it hears.

According to Gallup, 51% of 18-29 year olds view socialism favorably.

Only 45% view capitalism positively. That’s down from 68% in the same age group just a few years ago.

And membership in the Democratic Socialists of America has swelled 7x just in the last two years.

Their candidates are certainly crowding the 2020 primary.

Cr.Sayan Rujiramora

สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"