ไม่ว่าเราจะวัดมาตรฐานของอะไรก็ตาม เรามักจะใช้ไม้วัด (yardstick) ที่เราคุ้นเคยอยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งมันมักจะเป็นเพราะความมักง่าย ที่ทำให้เราถูกหลอกได้ ทองคำ..yardstick ที่เรายังไม่เคยใช้.....
มีความเชื่อที่ว่าทองคำไม่มีการ perform ที่ดีโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกแบบทุกวันนี้....
แต่ลองไปดูในประเทศที่ใช้เงินสกุลตามลิสต์เหล่านี้เอง ทองคำกำลังอยู่ในระดับราคาที่สูงสุดหรือไม่ก็เกือบแล้ว..แต่ที่ยังไม่อยู่ในลิสต์นี้คือ เงินปอนด์ ..ฟรังก์สวิส ..ยูโร หรือหยวน รวมทั้งอีกหลายสกุล (บาทไทยด้วย)
มีแต่ยูเอสดอลล่าร์เท่านั้นแหละ ที่ไม่เคยแพ้ทองคำเลย ......เมื่อเราวัดค่าของทองคำด้วยดอลล่าร์ เราก็จะเห็นแต่ภาพลวงตามาตลอด
การใช้ไม้วัดที่ผิดก็ทำให้เราเดินผิดทางในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของเรา ..ส่วนใหญ่เราจะวัดมูลค่าทรัพย์สินของตนด้วยสกุลเงินของเราเอง ซึ่งนั่นทำให้เรายินดีในทรัพย์สินที่ที่มีราคาที่เพิ่มขึ้น..บางคนก็ชื่นชมความเก่งของตนที่ทำกำไรในตลาดสินทรัพย์กระดาษ
แต่ไม่ว่าจะใช้สกุลไหนมาเป็นตัววัด....มันก็ไม่นิ่งหรอก มันกำลังหดตัว และบางครั้งมันหดตัวเร็วมาก ...นี่คือเรื่องธรรมดาของการด้อยค่าจากเงินเฟ้อ
รัฐบาลส่วนใหญ่รู้ดี จึงสร้างมาตรวัดเงินเฟ้อมาให้เราๆได้ใช้กันเช่น CPI (Consumer Price Index หรือดัชนีราคาผู้บริโภค) หรือ RPI (Retail Price Index) โดยให้ตัวเลขหลอกต่ำๆ ดูดี..มาบอกเรา
แต่ในสหรัฐเอง จากดัชนี Chapwood Index ...(ดัชนี Chapwood ...โดยการนำราคาสินค้า 500 รายการรวมเป็นตะกร้ามาใช้เป็นมอนิเตอร์..จาก 50 เมืองใหญ่ในสหรัฐ ...คำนวนจากปี 2002 ถึงปี 2014 ได้ผลเงินเฟ้อออกมาเฉลี่ยที่ 8% ..เขาใช้ตัวเลขจากค่าใช้จ่ายปกติของคนทั่วๆไป ..ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าอาหาร ฯลฯ ...แต่จากค่าเงินเฟ้อของทางการที่ประกาศยกเมฆออกมา ประมาณ 1-3% ..ทำให้ เงินเฟ้อในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา น้อยกว่าความเป็นจริงถึง 22% เมื่อเทียบกับของ Chapwood Index...ผู้แปล). ดัชนีนี้สะท้อนว่าตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา มูลค่าทรัพย์สินของชาวอเมริกันหายไปถึงครึ่ง
นี่คือสิ่งที่ ปธน.โรนัลด์ รีแกน เรียกว่า "the thief in the night" เป็นสิ่งที่เตรียมการมานานแล้ว ...มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่คืนเดียว ..แต่เกิดต่อเนื่องมานานจนบางคนคิดว่าตัวเองรวยขึ้นจากราคาทรัพย์สินของตนที่สูงขึ้นเมื่อวัดด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ...แต่มันไปแสดงให้เห็นชัดในต้นทุนของผู้ใช้แรงงานอื่นๆ
แต่จากปี 2000 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี มันสามารถ off-set กับเงินเฟ้อที่เกิดมาตั้งแต่ตอนนั้นได้.....นี่แสดงให้เห็นชัดว่าทองคำนี่แหละคือไม้วัด yardstick ที่เชื่อถือได้ของจริง .....หรือพูดอีกอย่างก็คือ ทองคำเป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกกันว่า purchasing power parity (PPP) ที่เป็นมานับพันปี ...นอกจากจะใช้เป็นตัววัดที่ดีแล้ว เรายังเป็นเจ้าของมันได้อีกด้วย
วิกฤติที่เกิดมาหลายครั้งแล้ว มักจะเริ่มต้นจากเงินเฟ้อที่แอบซ่อนจนเราแทบไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งค่าเงินอ่อนตัวลงกระทันหัน จากนั้นราคาทองคำก็จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อวัดกับค่าของสกุลเงินท้องถิ่น ...ซึ่งเราหลายคนก็จะรู้สึกเหมือนขึ้นรถไม่ทัน..มันออกจากสถานีไปแล้ว
คนฉลาดบางคนที่รู้เรื่องค่าเงินดี ก็มักจะคิดว่า "ซื้อทองคำเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อต้องการ" แต่มักจะรู้เมื่อสายแล้ว ....ลองถามประชาชนใน 72 ประเทศตามรายชื่อนี้ดูก็พอจะรู้ได้
....ถ้าบ้านไฟไหม้อยู่ โบรคเกอร์ขายประกันคงไม่ยอมขายประกันอัคคีภัยให้คุณหรอก อย่าเสียเวลาถาม...
Ross Norman
Sharps Pixley, London
Biography
Ross is an entrepreneur in the precious metals markets and is the CEO of Sharps Pixley Ltd, London Bullion Brokers - a company with a long history in precious metals whose name goes back to 1778. Ross started his bullion career at Johnson Matthey, before becoming a bullion trader at NM Rothschild & Sons and later as a senior dealer at Credit Suisse.
Ross is the CEO of Sharps Pixley in London and the Group is said to be the largest retailer of physical bullion in Europe.
Ross has consistently been the leading gold price forecaster over the last 20 years amongst London Bullion Market Association members and he is frequently quoted in the media on his views on the precious metals markets.
Cr.Sayan Rujiramora
สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/