ทุกครั้งที่โลกเกิดความผันผวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง "ทองคำ" มักจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยตัวแรกๆ ที่นักลงทุนหันมาถือตุนแทนที่สินทรัพย์เสี่ยงเสมอ ซึ่งหากเป็นไปตามสมมติฐานที่ว่านี้ แล้ว ปีหน้า 2019
ก็ควรจะเป็นปีของทองคำที่จะ "คัมแบ็ก" กลับมาอีกครั้ง หลังจากซบเซามาหลายปี
ที่จริงแล้ว ราคาทองเริ่มมีสัญญาณชีพฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2018 กันแล้ว เพราะ ได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ผันผวนหนัก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ ที่ขึ้น-ลงกันอย่างผันผวนสุดโต่งวันละ 1,000 จุด จนกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และช่วยดันให้ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
ราคาทองสปอตเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ธ.ค. หรือศุกร์สุดท้ายของปี 2018 เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ปรับตัวขึ้น 0.2% ไปอยู่ที่ 1,277.33 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ก่อนหน้านี้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดรอบ 6 เดือนได้สั้นๆ ที่ 1,282.09 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ปรับตัวขึ้นไป 1.7% ส่วนสัญญาทอง ฟิวเจอร์สไม่เปลี่ยนแปลงโดยอยู่ที่ 1,280.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์มองว่าปี 2019 เป็นปีที่ทองคำน่าจะมีโอกาสกลับขึ้นมาสูงเพราะเป็นปีที่โลกยังเต็มด้วยปัจจัยเสี่ยง ทั้งเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกที่มีแนวโน้มจะแย่ลงเพราะสงครามการค้า เบร็กซิตที่จะถึงเส้นตายในเดือน มี.ค.นี้แล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ผ่านรัฐสภาอังกฤษออกมา จนมีความเป็นไปได้ 50/50 ที่จะ "ไม่ได้ดีล" ทันกำหนด รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจ "จีน" จะแย่ลงกว่าที่คาดไว้
อีกปัจจัยหนุนสำคัญคงเป็นเรื่องของ "ดอลลาร์" ที่มีการมองกันว่าจะอ่อนค่าลงในปีหน้า เพราะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง
เบนจามิน หลู นักวิเคราะห์ของบริษัท ฟิลลิป ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในปี 2019 อยู่ในทิศทางที่ดีมาก เนื่องจากปีหน้าเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง อาทิ เบร็กซิต รวมถึงความเสี่ยงการกู้ยืมที่สูงในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้ราคาทองคำแพงขึ้น อย่างน้อยก็ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า
ขณะที่ นาอีม อัสลัม นักวิเคราะห์โภคภัณฑ์ ค่าเงิน และหุ้น ระบุใน ฟอร์บส์ ว่า แม้ราคาทองคำตลอดทั้งปี 2018 นี้ (ถึงวันที่ 19 ธ.ค.) จะลงไปราว 4% แต่ปีหน้าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะมีความเสี่ยงทั้งในแง่เศรษฐกิจ และด้านภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกลาง รวมถึงมีความเสี่ยง ต่อเก้าอี้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐมากขึ้นด้วย โดยราคาทองอาจขึ้นไปได้ถึง 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่หากเศรษฐกิจโลกยังประคองตัวไปได้ และเฟดผ่อนนโยบายการเงินขาขึ้นลงมา ก็อาจทำให้ราคาทองขึ้นไปได้เพียง 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยหนุนโอกาสทองคำข้างต้นแล้ว ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าปัจจัยหลักอย่าง "ภาวะเงินเฟ้อ" นั้นดูทรงแล้วไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก เพราะราคาน้ำมันยังขึ้นได้ไม่มาก และยังไม่แน่ชัดว่าการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ (โอเปก) ที่ร่วมกับรัสเซีย จะออกมาได้ผลหรือไม่
หากเงินเฟ้อไม่ขึ้นและเศรษฐกิจไม่ดีจนลดแรงกดดันของเฟดและแบงก์ชาติต่างๆ ลง เหตุผลที่จะต้องซื้อทองคำก็อาจจะลดลง และหากแย่ไปกว่านั้น ก็คือ ทองคำอาจกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ "ผันผวน" มากขึ้นตามสินทรัพย์เสี่ยงไปด้วย
ริชาร์ด ฟู หัวหน้าฝ่ายเอเชียแปซิฟิกของบริษัท อมัลกาเมท เมทัล เทรดดิ้ง มองว่า แม้แต่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเองก็อาจเจอความผันผวนหนักในปีหน้าได้เช่นกัน และคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,150-1,375 ดอลลาร์/ออนซ์
เว็บไซต์คิตโค รายงานว่า ผลสำรวจความเห็นคนทั่วไป (Main Street) ที่มีต่อราคาทองในปีหน้า ค่อนข้างออกมาในเชิงขาขึ้นและเชื่อว่าทองคำจะเป็น ขาขึ้นสูง โดย 34% เชื่อว่าจะขึ้นไปทะลุ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ต่างจากความเห็นของนักวิเคราะห์ของแบงก์ใหญ่ (Wall Street) ส่วนใหญ่ที่มองว่าขึ้นได้แค่เล็กน้อย เพราะแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงช่วย แต่ปัจจัยหลักอื่นๆ ที่จะหนุนราคาทองให้ขึ้นได้อย่างหวือหวานั้นยังไม่ชัดเจน
แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์และเอบีเอ็น อัมโร มองบวกที่ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ และซิตี้แบงก์ให้ราคาพื้นฐานเฉลี่ยที่ 1,300 แต่ถ้ามีกรณีที่ทำให้ตลาดหุ้นปีหน้าแย่หนัก ราคาทองอาจขึ้นไปถึง 1,400 ขณะที่นักวิเคราะห์จากไอเอชเอส มาร์กิต ให้ราคาทองปีหน้าที่ประมาณ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนแบงก์ฝรั่งเศส บีเอ็นพี พาริบาส์ ให้ราคาเฉลี่ยต่ำที่สุดที่ 1,145 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือมองสวนว่าทองคำจะเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้นโดยหลุด 1,200 เพราะเงินเฟ้อจะไม่ขึ้นในปีหน้า และเชื่อว่าหุ้นที่ร่วงหนักในช่วงหลัง มานี้เป็นเพียงการปรับฐานมากกว่าจะเปลี่ยนจากตลาดกระทิงมาเป็นตลาดหมีถาวร และจะทำให้มีแรงซื้อกลับไปในตลาดหุ้นอีกครั้ง
นอกจากเรื่องเงินเฟ้อและทิศทางเศรษฐกิจขาลง ปีหน้าก็ยังเต็มไปด้วยปัจจัยต่างๆ ที่ยังมีโอกาสสวิงขึ้น-ลงเสมอ และอาจทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีโอกาสผันผวน และคัมแบ็กได้ไม่สุดอย่าง ที่ควรจะเป็นเช่นกัน
โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ
Source: Posttoday
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/