“จับตัวทูตอิสราเอลในไทย 2515 , ชาติชาย ชุณหะวัณ กับข้าวหมกไก่ ไวน์เยอรมัน”

วิกฤตตัวประกันสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2515 หรือ คศ. 1972เริ่มขึ้นจากการที่ผู้ก่อการปาเลสไตน์กลุ่ม "แบล็กเซปเทมเบอร์" เข้าจู่โจมสถานทูตอิสราเอลในกรุงเทพและจับบุคลากรภายในเป็นตัวประกัน

หลังจากการเจรจาอยู่นาน 19 ชั่วโมง ผู้ก่อการก็ยินยอมที่จะถอนตัว โดยแลกกับความปลอดภัยของตนที่ประเทศอียิปต์

... การโจมตีเริ่มขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมารแห่งประเทศไทย เมื่อผู้ก่อการแบล็ค เซปเทมเบอร์ 2 คนแฝงตัวเข้าไปในงานเลี้ยงภายในสถานทูต ในขณะที่อีก 2 คนปีนข้ามกำแพงสถานทูตพร้อมกับปืนกลเข้าไปในอาคารจากนั้นจึงทำการยึดตัวสถานทูต ผู้ก่อการอนุญาตให้ชาวไทยทั้งหมดในตึกออกไปได้ แต่ให้เหลือเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำกัมพูชา Shimon Avimor ที่อยู่ในเหตุการณ์, เลขานุการเอก Nitzan Hadas และภรรยา รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสถานทูตรวม 6 คนไว้เป็นตัวประกัน

... หลังจากนั้น ผู้ก่อการได้ย้ายตัวประกันไปยังชั้นสองของอาคารสามชั้นและเรียกร้องการปล่อยตัวนักโทษ 36 คนในเรือนจำอิสราเอล โดยผู้ก่อการขู่ว่าจะระเบิดสถานทูตทิ้ง ถ้าข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนองภายในเวลา 8 นาฬิกาของวันที่ 29 ธันวาคม "พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ได้เข้าไปในที่ประชุมกองบัญชาการสถานการณ์และเสนอตัวเองกับพลอากาศเอก ทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหารให้เป็นผู้เข้าไปเจรจากับผู้ก่อการ ท่ามกลางเสียงคัดค้านในที่ประชุม แต่ภายหลังก็ยินยอม ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากเอกอัครราชทูตอียิปต์ประจำประเทศไทย Moustafa el Essawy และผู้นำมุสลิมเข้าไปช่วยเจรจาด้วย

… ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่เดือน ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวโลกขึ้น นั่นคือการที่ผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ "กลุ่มแบล็ค เซปเทมเบอร์ " จำนวน 8 คน ได้บุกเข้าไปในบ้านพักนักกีฬาที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2515 ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โดยสังหารนักกีฬาอิสราเอล 2 คน และจับนักกีฬากับเจ้าหน้าที่อิสราเอลอีก 9 คนเป็นตัวประกัน เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวสมาชิกของกลุ่ม จำนวน 236 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ตามประเทศต่างๆ แต่ข้อเรียกร้องได้รับการปฏิเสธ ผู้ก่อการร้ายจึงสังหารตัวประกันทั้ง 9 คน ทางการเยอรมนีได้ลงมือปราบปรามอย่างเฉียบขาด เป็นผลให้คนร้ายเสียชีวิต 5 คน และยอมมอบตัว 3 คน

… หลังจากแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เอกอัครราชทูตอิสราเอลทราบ พร้อมกับแนะนำไม่ให้กลับไปที่สถานทูต เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจรจับเป็นตัวประกันอีกคนหนึ่งแล้ว พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็มองหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหา โดยเน้นไปที่สันติวิธีมากกว่าการใช้กำลังหรือความรุนแรง โดยได้เดินทางไปพบเอกอัครราชทูตอียิปต์ที่บ้านพัก เนื่องจากในเวลานั้น "อียิปต์นอกจากจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอิสราเอลแล้ว" ยังมีอิทธิพลอย่างสูงต่อบรรดาประเทศอาหรับ พล.ต.ชาติชายได้หว่านล้อมให้เอกอัครราชทูตอียิปต์เห็นถึงสัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับประเทศอาหรับ และขอให้คำนึงถึงผลเสียซึ่งจะตามมาจากการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในวันมหามงคลของชาวไทย ซึ่งในที่สุดเอกอัครราชทูตอียิปต์ก็ยินยอมที่จะหารือเรื่องนี้ไปยังรัฐบาลของตนที่กรุงไคโร

… กลับจากบ้านพักเอกอัครราชทูตอียิปต์ พล.ต.ชาติชายก็ตรงไปยังกองบัญชาการภาคสนามที่บริเวณใกล้สถานทูตอิสราเอล ซึ่งกำลังเตรียมการที่จะให้หน่วยแม่นปืนและคอมมานโดบุกเข้าจู่โจมช่วยตัวประกัน พล.ต.ชาติชายได้เล่าให้ที่ประชุมฟังเรื่องการพบกับเอกอัครราชทูตอียิปต์และขอเป็นผู้เข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมโจรอาหรับด้วยตนเอง ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เข้าร่วมการประชุม แต่ พล.ต.ชาติชายก็ยังคงยืนกรานในแนวคิดของตน จนในที่สุดที่ประชุมก็จำใจต้องยินยอม พล.ต.ชาติชายมองไปทางกลุ่มข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แล้วก็ออกปากชวน พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหาร ให้เข้าไปเจรจากับกลุ่มโจรด้วยกัน

... พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหาร ได้เดินเข้าไปในสถานทูตอิสราเอล เพื่อเจรจากับผู้ก่อการร้ายชาวอาหรับที่ยึดสถานทูตอิสราเอลและจับเจ้าหน้าที่สถานทูตกับครอบครัวเป็นตัวประกัน ท่านทูตวิภาค ภิญโญยิ่ง ได้เขียนไว้ว่า

... “เมื่อพวกโจรยินยอมให้คนทั้งสองเข้าไปในสถานทูตอิสราเอลได้แล้ว ท่านรัฐมนตรีชาติชายก็ได้ขอร้องกับพวกโจรว่า “วันนี้เป็นวันสำคัญยิ่งของเราวันหนึ่ง เพราะคนไทยกำลังเฉลิมฉลองการสถาปนาองค์มกุฎราชกุมาร ขอเสียเถิด ขออย่าให้มีการทำลายชีวิตอันเป็นสิ่งเศร้าหมองน่าสลดใจบังเกิดขึ้นในวาระอันเป็นมงคลเช่นนี้เลย” แต่พวกโจรก็ไม่ยอมฟัง … อย่างไรก็ตาม พล.ต.ชาติชาย ก็ไม่ได้ละความพยายาม และได้ชวนให้พวกโจรนั่งลงร่วมโต๊ะเจรจาที่ชั้นล่างของสถานทูตอิสราเอล ซึ่งตอนนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น ท่านทูตวิภาคเขียนไว้ว่า “ไทยและอาหรับทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะ ทันใดนั้นทุกคนต้องชะงักอ้าปากค้าง เพราะมีเสียงวัตถุหนักๆ กลิ้งหลุนๆ แหวกความเงียบสงัดลงมาจากบันไดชั้นบน เมื่อตกถึงพื้นเบื้องล่างก็สงบนิ่งอยู่ใต้โต๊ะ สายตาทุกคู่ที่จ้องมองลงไปทำให้ทุกคนผงะสะดุ้งโหยงสุดตัว...เพราะสิ่งที่กลิ้งลงมาสะดุดอยู่แทบเท้านั้น ไม่ใช่อื่นไกล ระเบิดมือดีๆ นี่เอง”

… แต่ก็นับเป็นโชคดีที่ระเบิดลูกนั้นด้าน ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ก็คงจะผันแปรไปในแบบอื่น-หลังจากจัดการกับระเบิด(ด้าน)ลูกนั้นเรียบร้อยแล้ว การเจรจาจึงเริ่มต้นต่อ ด้วยลิ้นการทูตของ พล.ต.ชาติชาย บวกกับอารมณ์ขัน และคุยสนุก ของ เสธ.ทวี ก็ทำให้พวกโจรเริ่มวางใจผู้แทนฝ่ายไทย ถึงกับพาคนทั้งสองขึ้นไปดูสภาพของตัวประกันที่ถูกคุมตัวอยู่ชั้นบนของสถานทูต แต่ในด้านของการเจรจา ฝ่ายอาหรับก็ยังคงยืนกรานที่จะให้ปล่อยตัวสมาชิกของกลุ่มแบล็ก เซปเทมเบอร์ ที่ถูกคุมขังอยู่ทั่วโลก เพื่อแลกกับตัวประกันในสถานทูตอิสราเอลที่กรุงเทพฯ ไม่ว่าฝ่ายไทยจะหว่านล้อมอย่างไรก็ตาม และบรรยากาศของการเจรจาที่อีกฝ่ายหนึ่งถืออาวุธคุมเชิงก็สร้างความกดดันเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปมาก โดยต่างก็ไม่มีอาหารตกถึงท้อง เมื่อเสียงจ๊อกๆ จากท้องอันว่างเปล่าของโจรอาหรับผู้หนึ่งทำลายความสงัดขึ้นในห้อง ท่านรัฐมนตรีมีความคิดแวบหนึ่งผ่านเข้ามาทันที กรรมวิธีชิงไหวชิงพริบท่ามกลางการเจรจานั้น ย่อมต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ จึงกล่าวแก่โจรแต่โดยดีว่า “นี่ก็ค่ำมืดมากแล้ว ยูก็หิว ไอก็หิว ท้องไส้คงแสบไปกันหมดทุกคน ทำใจดีดีไว้ ไอจะให้คนไปหาอะไรมารองท้องกันหน่อยดีกว่า”

... “เมื่อเห็นโจรอาหรับยังอ้ำอึ้งไม่แน่ใจว่าไทยจะเล่นกลอีไม้ไหน ท่านรัฐมนตรีก็ประกาศเอาเกียรติของรัฐมนตรีไทยเป็นประกันว่า ที่ชวนกินข้าวนั้นเป็นการกินข้าวจริงๆ ไม่มีลูกไม้ซ่อนกลเอากับกลุ่มโจรแน่นอน เมื่อโจรพยักหน้าแสดงความมั่นใจในสัจจะดังนั้นแล้ว ท่านรัฐมนตรีก็ยกหูโทรศัพท์หมุนลงมายังกองบัญชาการข้างนอก ขอให้จัดอาหารขึ้นมาโดยเร็วยังกับเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของโจรอาหรับ เมนูอาหารที่ท่านรัฐมนตรีสั่งให้นำขึ้นมานั้นก็คือ ข้าวหมกไก่”

“แต่ลำพังข้าวหมกไก่อย่างเดียวยังน้อยนัก มันจะต้องมีอะไรกลั้วคอที่แห้งเป็นผงกันบ้างพอสมควร ท่านรัฐมนตรีกำชับให้เลือก "ไวน์โมเซลของเยอรมัน" ปีที่ดีที่สุด มาด้วย” สำหรับเหตุผลที่ต้องเป็นไวน์เยอรมัน ทั้งๆ ที่ พล.ต.ชาติชายชอบดื่มไวน์ฝรั่งเศส ก็มาจากจิตวิทยาที่เยอรมันในอดีตเป็นศัตรูกับยิวเช่นเดียวกับอาหรับและปาเลสไตน์ในปัจจุบัน ขณะที่ฝรั่งเศสส่งเครื่องบินรบไปโจมตีอาหรับและปาเลสไตน์

เมื่ออาหารและไวน์ที่สั่งไปมาถึง พล.ต.ชาติชาย และ เสธ.ทวี ก็ลงมือรับประทาน เพื่อประกันความปลอดภัย และหลังอาหารค่ำมื้อประวัติศาสตร์ บรรยากาศก็แจ่มใสขึ้น ขณะเดียวกันการติดต่อประสานงานกับรัฐบาลอียิปต์ที่กรุงไคโรก็ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง ทำให้การเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศไทยกับกลุ่มโจรอาหรับยุติลงด้วยดี โดยโจรทั้งหมดยินยอมปล่อยตัวประกันที่ถูกคุมตัวอยู่ในสถานทูตอิสราเอล และเดินทางออกนอกประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขให้ฝ่ายไทยจัดเครื่องบินไปส่งยังปลายทางที่ประเทศอียิปต์ รวมทั้งให้การรับรองความปลอดภัยทุกอย่าง ซึ่ง พล.ต.ชาติชาย ได้ขอเป็นผู้นำโจรอาหรับไปอียิปต์ด้วยตนเอง เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์

การเดินทางจากประเทศไทยไปยังอียิปต์ในครั้งนั้นใช้บริการของสายการบินไทยเหมาลำ ที่ให้การบริการในระหว่างการบินเช่นเดียวกับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง แทนที่จะเป็นเครื่องบินทหาร ซึ่งสร้างไมตรีจิตที่ดีต่อโจรทั้งสี่คน รวมทั้งชาวอาหรับและปาเลสไตน์ ท่านทูตวิภาค ภิญโญยิ่ง สรุปว่า

“มีผู้กล่าวขวัญกันทุกมุมโลกว่า เรื่องโจรอาหรับนี้ไม่ว่าเกิดขึ้นที่ใดเป็นต้องล้มตายกันเป็นเบือ แต่ทำไมเมื่อเกิดในเมืองไทย คนไทยจึงสามารถเข้าจัดการได้อย่างน่าอัศจรรย์ เลือดหยดหนึ่งก็มิได้เสีย”

... 19 ชั่วโมงผ่านไป ผู้ก่อการก็ตกลงที่จะวางอาวุธและปล่อยตัวประกันแลกกับการที่ไทยจะต้องจัดเครื่องบินนำตัวผู้ก่อการไปส่งยังกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ โดยผู้ก่อการได้เดินทางออกจากสถานทูตโดยรถบัสไปยังสนามบินขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทยโดยมีเจ้าหน้าที่ของไทยซึ่งมีรัฐมนตรีอยู่ 2 คนรวมถึงเอกอัครราชทูตอียิปต์ประจำประเทศไทยโดยสารไปเป็นประกันด้วย

… ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ผู้ก่อการได้ให้ปืนกลในเหตุการณ์เป็นของขวัญแก่นายกรัฐมนตรีถนอม กิตติขจรกระบอกหนึ่ง ส่วนอีกกระบอกมอบให้ผู้บัญชาการกองทัพบกประพาส จารุเสถียร ผู้ก่อการปาเลสไตน์ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากรัฐบาลอียิปต์ โดยหลังจากที่พวกเขาลงจากเครื่องบิน ผู้ก่อการได้ถูกนำไปขึ้นรถตำรวจโดยไม่ได้ใส่กุญแจมือแต่อย่างไร ส่วนสำนักข่าวต่างๆในอียิปต์ต่างเรียกพวกเขาเป็นวีรบุรุษ ในด้านของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลในขณะนั้น โกลดา เมอีร์ และคณะได้แสดงความชื่นชมและขอบคุณรัฐบาลไทยอย่างยิ่งสำหรับการจัดการอันระมัดระวังซึ่งทรงประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบอย่างสูง (active vigilance and supreme responsibility)

คลิก

คลิก

คลิก


Cr.Jeerachart Jongsomchai

สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"