หุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัว แนวต้าน 1,445 จุด จับตาถ้อยแถลงประธานเฟด

วันนี้ตลาดหุ้นไทย (SET) มีสัญญาณฟื้นตัวหลังจากที่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น เม็ดเงินจากกองทุนประหยัดภาษี (LTF/RMF) ที่มักจะเข้ามาเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งช่วยสนับสนุนแรงซื้อในตลาด โดยแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,445 จุด และหากทะลุได้ อาจไปถึงช่วง 1,445-1,450 จุด

ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,422-1,430 จุด ซึ่งคาดว่าจะยังรองรับได้ในระยะนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนควรจับตา ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคม ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ

กลยุทธ์การลงทุน:

  • ใช้การปรับพอร์ตแบบระมัดระวังและเน้นกลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีพื้นฐานดี
  • เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยหนุนปลายปี เช่น หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้

  1. การส่งออกเนื้อไก่

    • กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าปริมาณส่งออกเนื้อไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเติบโต 2% แตะระดับ 13.8 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์
    • สำหรับไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ต้องจับตาการแข่งขันจาก บราซิล ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ
  2. การปรับปรุงเกณฑ์โฆษณา ICO Portal และ ICO Issuer

    • สำนักงาน ก.ล.ต. มีแผนปรับปรุงเกณฑ์การโฆษณา รวมถึงคำเตือนความเสี่ยงการลงทุนในโทเคนดิจิทัล ให้เหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 16 ธันวาคม 2567
  3. ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีน (ไฉซิน)

    • เดือนพฤศจิกายนปรับขึ้นสู่ระดับ 50.3 สูงสุดในรอบ 5 เดือน สะท้อนการขยายตัวของคำสั่งซื้อใหม่และคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ
  4. ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ

    • ดัชนี PMI (ISM) เดือนพฤศจิกายนปรับขึ้นเป็น 48.4 และ S&P PMI อยู่ที่ 49.7 แม้ยังต่ำกว่า 50 ซึ่งชี้ถึงภาวะหดตัว แต่มีการฟื้นตัวจากเดือนก่อน
  5. สถานการณ์ยางพาราไทย

    • การผลิตยางลดลงจากปัญหาฝนตกหนักและอุทกภัยในภาคใต้ คาดยางหายจากระบบกว่า 300,000 ตัน ส่งผลบวกระยะสั้นต่อราคายางและหุ้นกลุ่มยาง (เช่น STA, NER, TRUBB)
  6. ประเด็นจาก BRICS และแอฟริกาใต้

    • แอฟริกาใต้ปฏิเสธแผนการสร้างสกุลเงินใหม่ของ BRICS และมุ่งเน้นการใช้สกุลเงินของสมาชิกในกลุ่มสำหรับการค้า
  7. ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ

    • จีนเตือนสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีไต้หวันเดินทางเยือนฮาวาย โดยจีนอาจตอบโต้ด้วยการเพิ่มความถี่ในการซ้อมรบใกล้เกาะไต้หวัน

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดแกว่งตัว Sideways

เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ในประเทศและ Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (EM) จากความกังวลด้านนโยบายกีดกันทางการค้า การลงทุนควรมุ่งเน้นไปที่ Selective Buy ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและโอกาสทำกำไรในระยะสั้น ดังนี้:

1. หุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว

  • กลุ่มพาณิชย์: CPALL, CPAXT, CRC, HMPRO, TNP
  • กลุ่มท่องเที่ยว: AWC, AOT, MINT
    • ปัจจัยหนุน: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี

2. หุ้น Earnings Play

  • หุ้นที่มีกำไร 4Q67 คาดเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ:
    GULF, OSP, AMATA, AU, TIDLOR, BCP
    • ปัจจัยหนุน: โมเมนตัมกำไรดี และแนะนำ Outperform

3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและเป้าหมายสะสมของกองทุนลดหย่อนภาษี

  • คัดเลือกจาก SET100 ที่มี Div. Yield อย่างน้อย 3.5% ต่อปี, ESG Rating และ CG สูง:
    BBL, ADVANC, HMPRO
    • ปัจจัยหนุน: ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และแนวโน้มกำไรเติบโตในปี 2025

4. Trading Idea (สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง)

  • หุ้นเก็งกำไร:
    • หุ้นที่คาดเข้าคำนวณ SET50 ใน 1H68: BANPU, CCET, COM7, SAWAD
    • หุ้นที่ได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้: HMPRO, CPALL, TASCO
    • ระมัดระวัง: หุ้นกลุ่มการแพทย์, ยานยนต์, และวัสดุก่อสร้างที่มีโมเมนตัมกำไร 4Q67 อ่อนแอ

หุ้นแนะนำวันนี้:

1. AWC (Asset World Corp Public Company Limited)

  • จุดเด่น:
    • เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยว โดยคาดว่า กำไรปกติใน 4Q67 จะเติบโต YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจท่องเที่ยวไทย
    • แนวโน้มปี 2567: คาดกำไรปกติโต 57% YoY และเพิ่มอีก 23% YoY ในปี 2568 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งสุดในกลุ่ม
    • ปัจจัยหนุน: การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และการดำเนินงานโรงแรมที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • กลยุทธ์: เหมาะสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยใช้โอกาสจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย

2. HMPRO (Home Product Center Public Company Limited)

  • จุดเด่น:
    • เป็นหุ้นที่ได้ อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วม และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
    • คาดว่า กำไรปกติใน 4Q67 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ
    • Valuation น่าสนใจ: ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 67F อยู่ที่ 20 เท่า ซึ่งต่ำกว่า -2S.D. ของค่าเฉลี่ย PER 10 ปีที่ 22 เท่า
  • ปัจจัยหนุน:
    • ความต้องการสินค้าปรับปรุงบ้านหลังน้ำท่วม
    • การใช้จ่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

คำแนะนำ:

  • AWC: เน้นลงทุนระยะกลาง-ยาวเพื่อเก็งกำไรจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
  • HMPRO: ลงทุนระยะสั้น-กลาง เพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการเติบโตของกำไรในไตรมาส 4 และอานิสงส์จากน้ำท่วมและนโยบายรัฐ

คลิก

Cr.ประชาชาติธุรกิจ

----------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"