นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทางการดำเนินการของไทยต่อกรณีนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยมี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และสถาบันการเงิน เข้าร่วม อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) สภาอุตสาหกรรม กรมศุลกากร และภาคธุรกิจ
ที่ประชุมได้หารือแนวทางเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยเน้นการปรับสมดุลการค้าระหว่างสองประเทศในหมวดสินค้าเกษตรและการแปรรูปอาหาร เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนที่มีมายาวนาน โดยไทยจะใช้จุดแข็งในภาคเกษตรกรรมและการแปรรูปสินค้ามาเป็นกลไกสร้างการเติบโตใหม่
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-อาหารสัตว์ โอกาสใหม่จากสหรัฐฯ
รองนายกฯ ระบุว่า หนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ซึ่งไทยมีศักยภาพสูง ส่งออกกว่า 21 ล้านตันต่อปี คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกเพียง 3% ทั้งที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก หากสามารถลดต้นทุนได้ โดยเฉพาะจากการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ ซึ่งมีต้นทุนต่ำและคุณภาพสูง ช่วยลดต้นทุนทั้ง supply chain และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตไทย
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการนำเข้าจะไม่กระทบต่อเกษตรกรไทย เพราะจะมีการรับซื้อผลผลิตในประเทศก่อนทุกฤดูกาล และจะนำเข้าเฉพาะช่วงขาดแคลนเท่านั้น
ทบทวนภาษีนำเข้า-ยกระดับมาตรฐานส่งออก
อีกประเด็นที่หารือคือการทบทวนโครงสร้างภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ให้เท่าเทียมกับประเทศอื่น เพื่อสร้างความเป็นธรรม และเอื้อต่อผู้ประกอบการนำเข้า ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยเตรียมยกระดับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าส่งออก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเป็นสินค้าที่ผลิตในไทยโดยแท้จริง ป้องกันการ "สวมสิทธิ์" จากประเทศที่สาม และลดอุปสรรคทางการค้ารูปแบบอื่น (Non-tariff Barriers)
เปิดทางนำเข้าสินค้าจำเป็น-ลดดุลการค้า
ในที่ประชุมยังหารือถึงการนำเข้าสินค้าอื่นที่ไทยผลิตไม่เพียงพอหรือไม่สามารถผลิตได้ เช่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการค้าในระยะยาว รวมถึงการนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ที่ไทยเตรียมจัดซื้อจากสหรัฐฯ ในอนาคต เช่น เครื่องบิน Boeing ตามแผนจัดหาของ บมจ.การบินไทย ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ด้วย
เตรียมหารือทีมงานทรัมป์-วางหลักการก่อนเข้าหารือ USTR
นายพิชัย ระบุว่า ตนและนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เตรียมเดินทางไปสหรัฐฯ ในเร็ว ๆ นี้ โดยอยู่ระหว่างรอการตอบรับจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งอาจเรียงลำดับการเจรจาตามความเร่งด่วนของแต่ละประเทศ โดยไทยพร้อมทำงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ เริ่มจากการหารือกับทีมงานด้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหากเห็นชอบในหลักการ ไทยจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการหารือเชิงลึกกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ต่อไป
"เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส" ผลักดันการผลิต-ส่งออกเติบโต
"รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เอกชนก็ไม่ได้นิ่งเฉย ทุกฝ่ายต่างร้อนใจและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหา รัฐบาลมองว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับระบบการค้าของไทย และส่งเสริมผู้ประกอบการภายในประเทศให้เติบโตไปพร้อมกัน โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมที่เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทย" นายพิชัยกล่าว
สำหรับกำหนดการเดินทางไปสหรัฐฯ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน ขึ้นอยู่กับจังหวะและลำดับความสำคัญของแต่ละประเทศที่สหรัฐฯ จะเลือกหารือก่อน โดยนายพิชัยยืนยันว่าไทยจะไม่รอเฉย ๆ และพยายามสร้างโอกาสเจรจาให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
Cr.สำนักข่าวอินโฟเควสท์
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo