Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ประกาศจุดยืนใหม่ด้านการกำกับดูแลคริปโต ระบุว่า มีเพียง “ส่วนน้อยมาก” ของโทเคนในตลาดที่ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ แตกต่างจากแนวคิดในยุคของ Gary Gensler

อดีตประธาน SEC ที่ย้ำมาตลอดว่า “คริปโตส่วนใหญ่” อยู่ภายใต้เกณฑ์ Howey Test

Atkins กล่าวในงาน Wyoming Blockchain Symposium ที่ Jackson Hole ว่า SEC จะไม่ตีความเหมาโทเคนทั้งหมดว่าเป็นหลักทรัพย์ แต่จะพิจารณาจาก “บริบทการออกและการขาย” หรือ the surrounding package มากกว่าตัวโทเคนเพียงอย่างเดียว

“ในมุมมองของผม โทเคนที่ถือเป็นหลักทรัพย์มีไม่มาก สิ่งสำคัญคือรูปแบบแพ็กเกจและวิธีการขาย มากกว่าตัวโทเคนเอง” Atkins กล่าว

Project Crypto และทิศทางใหม่

การเปลี่ยนท่าทีดังกล่าวเชื่อมโยงกับ Project Crypto โครงการของ SEC ที่มุ่งสร้างกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลให้ชัดเจนและเหมาะสม ขณะเดียวกัน สภาคองเกรสก็กำลังพิจารณา Digital Asset Market Clarity (CLARITY) Act ซึ่งผ่านสภาผู้แทนฯ แล้ว และจะเข้าสู่วุฒิสภาหลังเปิดสมัยประชุมเดือนกันยายนนี้

แตกต่างจากยุค Gensler

มุมมองใหม่ของ Atkins ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางสำคัญ เมื่อเทียบกับยุคของ Gensler ที่ SEC มีท่าทีแข็งกร้าว เห็นว่าคริปโตส่วนใหญ่ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ และอยู่ภายใต้การกำกับเข้มงวด

ผลต่ออนาคตตลาดคริปโต

นักวิเคราะห์มองว่า ท่าทีใหม่ของ SEC จะช่วยลดความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะสถาบันการเงินและบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น หากกฎหมายตลาดคริปโตฉบับใหม่ผ่านภายในปีนี้