หากจีนไม่ได้ใช้การปกครองแบบกำปั้น เหล็กที่ควบคุมการชุมนุมประท้วงต่างๆ อย่างเข้มงวดแล้วละก็ เราอาจได้เห็นการประท้วงใหญ่เกิดขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งไม่ใช่การประท้วง" จากการลงทุนความเสี่ยงสูงใน P2P ซึ่งถูกมองว่าเป็น
ขาหนึ่งของระบบธนาคารเงา (Sha dow banking) ที่เป็นปัญหาใหญ่ในจีน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนเคยประกาศเอาจริงกับการแก้ปัญหาธนาคารเงา หรือสถาบันการเงินนอกระบบธนาคาร ที่เป็นฐานการปล่อยเงินกู้ทั่วประเทศโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและ เอสเอ็มอีที่เข้าไปถึงแบงก์มาแล้ว เนื่องจากการปล่อยกู้นอกระบบและการขายหน่วยลงทุนความเสี่ยงสูงของธนาคารเงา สร้างความเสี่ยงสูงต่อเสถียรภาพทางการเงินของจีน
แต่การปราบปรามของจีนก็ยังแง้มช่องโหว่ให้กับการปล่อยกู้ออนไลน์แบบ P2P (Peer-to-Peer) หรือรูปแบบที่ ผู้ปล่อยเงินกู้กับผู้ขอกู้มาเจอกันเองโดยตรงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องมีคนกลางใดๆ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ชาวจีนที่เข้าไม่ถึงเงินกู้แบงก์ เช่น ธุรกิจขนาดเล็ก หรือคนหนุ่มสาวที่มือเติบหนี้บริโภคเยอะ ก็สามารถมากู้ดอกเบี้ยสูงผ่าน P2P กันได้ง่ายๆ ทำให้ปัญหาหนี้ในจีนเป็นเรื่องที่คุมได้ยาก
นอกจากนี้ อีกปัญหาที่ใหญ่ไม่แพ้กันก็คือ P2P ยังขายหน่วยลงทุนความเสี่ยงสูงด้วย ซึ่งการให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าแบงก์หรือกองทุนทั่วไป เช่น การให้ผลตอบแทน 10% ในขณะที่ดอกเบี้ยแบงก์ยังไม่ถึง 2% ทำให้กลายเป็นช่องทางการลงทุนยอดนิยมในจีนมาจนถึงปัจจุบัน ที่ชนชั้นกลางจำนวนมากยอมเสี่ยงเอาเงินออมและเงินเก็บยามเกษียณไปลงทุนกับ P2P
กว่าที่รัฐบาลปักกิ่งจะหันมาคุมเข้มเอาจริงกับ P2P มากขึ้น ช่องทางนี้ก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนจีนทุกหย่อมหญ้าไปแล้ว และกลายเป็นอุตสาหกรรมการเงินที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 1.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่เริ่มต้นอย่างไร้การควบคุมในปี 2011 P2P ขยายตัวพีกสุดในปี 2015 โดยมีจำนวนราว 3,500 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ไม่สามารถ อุดช่องความเสี่ยงได้ทัน แต่กลายเป็นว่าทำให้ P2P จำนวนมากทั้งที่ไม่ได้มาตรฐานหรือเป็นเพียงแค่การ หลอกลวง ต้องปิดตัวลงและกระทบต่อชาวบ้านในแทบทุกมณฑล
นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีบริษัทที่ทำธุรกิจ P2P ปิดตัวไปแล้วมากกว่า 243 แห่งทั่วประเทศ โดยการปิดตัวของธุรกิจเหล่านี้ยิ่งกระทบความเชื่อมั่นต่อกันเป็นลูกโซ่ ชาวจีนยิ่งแห่ถอนการลงทุนออก และยิ่งทำให้มีธุรกิจต้องปิดตัวลงมากขึ้นอีกเป็นไฟลามทุ่ง
กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก็คือ การที่นักลงทุนกว่า 300 คน บุกไป รวมตัวกันที่ตึกไอเอฟซีในนครเซี่ยงไฮ้ หลังเกิดกรณีบริษัท P2P ที่ชื่อว่า พีพีเหมี่ยว ซึ่งมีสินทรัพย์ในการลงทุน 4,900 ล้านหยวน และฐานลูกค้าราว 3.6 แสนคนนั้น ประกาศว่าไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เพราะลูกค้าแห่ถอนการลงทุนออก และบริษัทที่ปล่อยเงินกู้ไปหลายแห่งก็เริ่มชักดาบเลิกจ่ายหนี้คืน ทำให้บริษัทต้องยุติกิจการ และรับปากจะจ่ายเงินคืนนักลงทุนภายใน 36 เดือน
เหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนหลายร้อยชีวิตต้องบุกไปที่ตึกไอเอฟซีเพื่อกดดันผ่านบริษัท หัวอัน ฟิวเจอร์ แอสเซท ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่ทำธุรกิจพีพีเหมี่ยว นักลงทุนต่างกลัวว่าจะไม่ได้รับเงินคืน ซึ่งหลายคนเป็นผู้สูงอายุที่ใช้เงินเกษียณหรือเงินออมทั้งชีวิตไปลงทุน
จากข้อมูลของรอยเตอร์สและหยิงคัน กรุ๊ป ระบุว่า รัฐบาลจีนเริ่มหันมาคุมเข้มและตรวจสอบ P2P มากขึ้น ในช่วง 2 ปีมานี้ ทำให้ธุรกิจที่ไม่ได้มาตรฐานหรือฉ้อโกงต้องปิดตัวลงมากกว่า 200 แห่ง แต่หากรวมถึงบริษัทที่ต้องระงับกิจการชั่วคราวหรือถูกตำรวจเข้าตรวจสอบแล้ว จะมีจำนวนมากถึงกว่า 4,500 แห่งเลย ทีเดียว
ขณะที่ปริมาณหนี้สินค้างชำระที่เคยสูงถึง 1.3 ล้านล้านหยวนเมื่อเดือน มิ.ย. ได้ลดลงไปถึง 26% ในเดือน ก.ค. ท่ามกลางมาตรการคุมเข้ม แม้จะลดลงไปมากแต่ก็ยังถือเป็นวงเงินมหาศาลที่ 9.56 แสนล้านหยวน
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า P2P ที่แพร่หลายอย่างหนักในจีนวันนี้ เป็นผลมาจากการสนับสนุนของรัฐบาลปักกิ่งเอง ทั้งในแง่ของการที่ไม่ได้ออกกฎระเบียบควบคุมที่เข้มงวดพอ ขณะที่นายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง และอดีต ผู้ว่าการแบงก์ชาติจีนอย่าง โจวเสี่ยวฉวน ยังเคยกล่าวสนับสนุน P2P เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมาว่า เป็นกลไกหนึ่งในการสนับสนุนนวัตกรรมทางการเงินในจีน และช่วยหนุนธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศ
ทางการจีนที่มีรายงานว่าพยายามส่งตำรวจเข้าควบคุมความสงบไม่ให้เกิดม็อบ P2P ตลอดช่วง 2-3 เดือนมานี้ ได้พยายามเร่งออกมาตรการมาอุดช่องโหว่ความเสี่ยงการปล่อยกู้ออนไลน์ เช่น มาตรการใหม่ 10 ข้อ เมื่อช่วงต้นเดือนนี้
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการเสถียรภาพทางการเงินและการพัฒนา (เอฟเอสดีซี) ที่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ หลิวเฮ่อ เป็นประธาน ยังเร่งออกกลไกกำกับดูแลระยะยาว เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงของ P2P ออกมาให้ทันภายในสิ้นปีนี้
เพราะหากไม่เร่งควบคุมความเสี่ยงให้ทันการ นี่อาจเป็นอีกครั้งที่จีนต้องเผชิญวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจจากปัญหาภายในบ้านของตัวเอง ที่เสี่ยงลุกลามออกไปสู่โลกด้วยในอนาคตอันใกล้นี้
โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ
Source: Posttoday
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman