จีนไม่ใช้"หยวน"ทำสงครามการค้า คาด "ทรัมป์" จะสร้างความขัดแย้งกับจีนมากขึ้นก่อนเลือกตั้ง

ซีเอ็นบีซี นักวิเคราะห์ชี้ การเปลี่ยนวิธีบริหารค่าเงินหยวนของธนาคารกลางจีนเป็นสัญญาณชี้ว่า จีนไม่มีเจตนาที่จะใช้เงินหยวนเป็นอาวุธในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แต่ในทางกลับกัน นักวิเคราะห์มองว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

จะทำสงครามการค้ากับจีนมากขึ้นก่อนเลือกตั้งกลางเทอมเพื่อเบนความสนใจของประชาชนจากปัญหาทางกฎหมายที่กำลังรุมเร้าเขาอยู่ ซึ่งจะทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น

ค่าเงินหยวนมีความกดดันอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าธนาคารกลางจีนได้ตอบโต้ต่อแรงกดดันดังกล่าวด้วยการประกาศว่า กำลังจะนำวิธีการคำนวณที่เรียกว่า "counter-cyclical factor" กลับมาใช้อีกครั้งเพื่อกำหนดค่ากลางเงินหยวนประจำวันให้มีมูลค่าที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ

ธนาคารกลางจีนได้กล่าวครั้งสุดท้ายว่า จะเริ่มใช้วิธีการนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 จนถึงต้นปีนี้ แต่ไม่เคยอธิบายว่านโยบายนี้มีความหมายอย่างไร หลายคนเข้าใจว่าคำว่า "counter-cyclical factor" หมายความว่า ธนาคารกลางจะพยายามต่อสู้กับแรงบีบในตลาดที่กำลังดึงเงินหยวนไม่ว่าในทิศทางใด

ในกรณีนี้ รัฐบาลปักกิ่งมีแนวโน้มที่จะต่อสู้กับเทรดเดอร์ที่ฉุดค่าเงินหยวนให้อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางเงินหยวนประจำวันโดยเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งปล่อยให้เงินหยวนเคลื่อนไหวทั้งขึ้นและลงได้ 2% และยังเอาตะกร้าเงินสกุลอื่น ๆ มาเป็นปัจจัยด้วย

มิซูโฮ แบงก์ กล่าวว่า คำว่า "counter-cyclical factor" ไม่รวมถึงความโน้มเอียงของทิศทางเงินหยวนแต่หมายถึงการรักษาค่าเงินหยวนให้ค่อนข้างมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ

ได้มีการคาดการณ์ว่าจีนจะใช้ค่าเงินหยวนมาเป็นปัจจัยในการทำสงครามการค้าเพราะการอ่อนค่าของเงินหยวนได้ลดผลกระทบของภาษีสหรัฐฯ ให้กับสินค้าจีน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เคยพูดถึงประเด็นนี้ว่ารัฐบาลปักกิ่งปฏิบัติเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไม่เป็นธรรม

โดยทั่วไปแล้วเงินอ่อนค่าลงเป็นผลดีต่อการส่งออกของประเทศโดยทำให้สินค้าถูกกว่าสินค้าในประเทศอื่น ๆ ดังนั้นจึงสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากกว่า

มิตซูโฮ กล่าวว่า อาจมองการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจีนว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจีนกำลังเข้มงวดนโยบาย และที่สำคัญที่สุด การดำเนินการเช่นนี้เป็นการเน้นย้ำว่า การอ่อนค่าของเงินหยวน “ไม่ได้เป็นอาวุธ” ของความขัดแย้งทางการค้าในครั้งนี้

ในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ธนาคารกลางจีนคาดว่าการนำมาตรการนี้มาใช้ใหม่จะมีบทบาทที่เป็นบวกในการสร้างเสถียรภาพให้กับการเคลื่อนไหวของเงินหยวน และวิธีการนี้ได้ช่วยบรรเทาพฤติกรรมในตลาดในก่อนหน้านี้อย่างได้ผล และทำให้การคาดการณ์ในตลาดมีเสถียรภาพ

ค่าเงินหยวนวนเวียนใกล้ระดับสูงในรอบสองสัปดาห์ครึ่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ หลังจากธนาคารกลางจีนรื้อฟื้นมาตรการ “counter-cyclical factor” มาใช้ ซึ่งช่วยหยุดยั้งการอ่อนค่าเป็นเวลา 10 สัปดาห์ไว้ได้

ในทางกลับกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะหาทางฟื้นฟูสถานะทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่มีความกังวลทางกฎหมายเพิ่มมากขึ้น โดยทางหนึ่งที่ทรัมป์จะต้องทำคือ ต้องทำให้ผู้ลงคะแนนหันเหความสนใจจากปัญหาภายในบ้าน ด้วยการหันไปให้ความสนใจต่อสงครามการค้ากับจีน หรืออาจจะพูดได้ว่า สหรัฐฯ อาจจะทำให้ความขัดแย้งกับจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้รับผลกระทบจากความกังวลทางกฎหมายสองเรื่องในเวลาเดียวกัน เรื่องแรกเกี่ยวข้องกับพอล มานาฟอร์ต อดีตหัวหน้าทีมหาเสียงของเขา ซึ่งศาลตัดสินว่ามีความผิดใน 8 กระทง และอีกเรื่องคือ ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ ได้ยอมรับผิดต่อข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง 8 กระทง

ข่าวเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายต่อทรัมป์มากที่สุด ตรงที่โคเฮนระบุเป็นนัย ๆ ว่า ประธานาธิบดีเกี่ยวข้องกับแผนปิดปากสตรีสองคนที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์รักกับทรัมป์ เพื่อไม่ให้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้

ทั้งสองคดีนี้ได้ทำให้มีการพูดถึงการพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดี โดยแม้แต่ตัวทรัมป์เองก็ได้พูดถึงเรื่องนี้

วิษณุ วราธัญ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และกลยุทธ์ของมิซูโฮ แบงก์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เมื่อมีแรงกดดันภายในบ้าน ทรัมป์จำเป็นต้องเพิ่มตัวรองรับทางการเมือง ทำเนียบขาวอาจหันเหความสนใจไปที่ “ศัตรูร่วม” อย่างจีน แต่อาจทำให้ธุรกิจที่เดือดร้อนจากภาษีไม่พอใจได้

นิค มาร์โร นักวิเคราะห์ของอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ก็สะท้อนความรู้สึกแบบเดียวกัน โดยกล่าวว่า มีโอกาสที่ประธานาธิบดีอาจใช้สงครามการค้าเป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจ และได้เคยเห็นทรัมป์ทำเช่นนี้มาก่อนกับกิจการระหว่างประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงมาก หากความขัดแย้งไม่เพิ่มมากขึ้น

เชน โอลิเวอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของเอเอ็มพี แคปิตอล กล่าวว่า จนถึงขณะนี้พัฒนาการทางกฎหมายในสหรัฐฯ ไม่รุนแรงเพียงพอที่จะทำให้ทรัมป์ถูกถอดถอน แต่มีความเสี่ยงที่ประธานาธิบดีจะทำในสิ่งที่รอบคอบน้อยลงเพื่อฟื้นฟูฐานเสียง และสำหรับตลาด นั่นอาจหมายถึงว่าอาจมีความผันผวนมากขึ้นในเดือนที่จะมาถึง

การเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐฯ จะมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้

Source: ข่าวหุ้น

- China's new currency policy is a dovish signal in the trade war, analysts say
คลิก

- หยวนแข็งค่าวันที่ 3 ขณะจีนปรับค่ากลางสูงสุดรอบ 15 เดือน หลังใช้นโยบายพยุงค่าเงิน
: https://www.ryt9.com/s/iq21/2878343

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"