AI คือภัยคุกคามหรือมิตรแท้ของมวลมนุษยชาติ?

ในช่วงนี้สิ่งที่ฮอตฮิตที่สุดบนโลกเทคโนโลยีคงหนีไม่พ้นเจ้า AI หรือโซเฟียหุ่นยนต์ AI อัจฉริยะที่สามารถพูดได้หลายภาษาและเป็นพลเมืองประเทศซาอุดีอาระเบียตัวแรกของโลก การปรากฎตัวของโซเฟีย

อาจทำให้หลายๆคนทึ่งและตะลึงอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับผมแล้วการปรากฏตัวของโซเฟียถือเป็นการประกาศและย้ำเตือนให้ได้ตระหนักและรับรู้ว่า AI และหุ่นยนต์จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่มีเพียงแค่ในหนังหรือภาพยนต์อีกต่อไป

จนถึงตอนนี้หลายๆคนคงอาจจะยังสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าตกลงแล้ว AI คืออะไรแล้วมันแตกต่างจากหุ่นยนต์ยังไง? มันคือชื่อของหุ่นยนต์หรือเปล่า? หรือแม้กระทั้ง AI คือหุ่นยนต์ชนิดใช่ไหม? อย่าเพิ่งงงไปครับจริงๆแล้วเจ้า AI เนี่ยมันมีชื่อเต็มๆว่า Artificial Intelligence (อาร์ตทิฟิเชียล อินทอลริเจนส์) ที่แปลเป็นภาษาไทยแบบเก๋ๆว่า ปัญญาประดิษฐ์ หากเปรียบตัวหุ่นยนต์คือร่างกายมนุษย์ เจ้า AI ที่ผมพูดถึงก็คือมันสมองของมนุยษ์นั่นเองครับ โดยเจ้า AI มันมีความเจ๋งกว่าซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปตรงที่เราไม่ต้องเป็นคนคอยควบคุมให้เจ้าหุ่นยนต์หรือคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน เพราะมันสามารถคิดเองได้ มีสติปัญญา จัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง สามารถวางแผนขั้นตอนการเรียนรู้ การตัดสินใจ การแก้ปัญหา รวมไปถึงการเลือกแนวทางในการดำเนินการโดยเลียนแบบลักษณะการคิดและตัดสินใจจากสมองมนุษย์ และด้วยความอัจฉริยะเสียจนน่าทึ่งนี่เอง ที่ทำให้มันถูกเรียกว่า “ปัญญาประดิษฐ์”

หลังจากการปรากฎตัวของโซเฟีย ทำให้ผมได้ลองมองสำรวจเทคโนโลยีต่างๆที่ใช้อยู่รอบตัวมากขึ้น และแทบช็อคเมื่อพบว่า AI มันใกล้ตัวผมมากกว่าที่เคยคิดไว้เสียอีก แทรกซึมมาเรื่อยๆ อย่างเนียนๆ โดยที่ผมเองก็ไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น เจ้าเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะที่ผมซื้อมาเมื่อสิ้นปีที่แล้วจากมหกรรมช็อปช่วยชาติ ที่กลายมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของผมในการดูแลบ้านชายโฉด เอ๊ยโสด หรือแม้กระทั่งคอลเซนเตอร์ต่างๆที่แทบจะไม่มีเสียงหวานๆของพนักงานรับโทรศัพท์ให้ได้ยินอีกต่อไปแล้วแต่ดันเปลี่ยนเป็นเสียงเรียบๆของบริการลูกค้าอัตโนมัติแทน ไหนจะแชทบอทสำหรับตอบปัญหาและบริการลูกค้า 24 ชั่วโมงที่ตอบไว ถามได้ตอบได้ยิ่งกว่าอับดุลอีก นี่ยังไม่นับรวมถึงโฆษณาต่างๆที่จงใจขึ้นมาให้ดูอย่างรู้ใจอีกแน่ะ ช่วงนี้ผมกำลังสนใจอะไรอยู่ พูดไปหลอนก็หลอนไปนะครับ รู้ใจผมดียิ่งกว่าแฟนที่คบกันมาเป็นสิบปีซะอีก

หากลองคิดดูดีๆแล้วการใช้ระบบอัตโนมัติมาช่วยตอบปัญหาลูกค้ามันก็ดี แต่คนที่เคยเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ล่ะตอนนี้เค้าไปทำอะไร อยู่ที่ไหนกัน หรือว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกเจ้าหุ่นยนต์ AI มาแย่งงานอย่างจริงจัง?

มาถึงตอนนี้คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมและผู้อ่านหลายๆคงไม่พ้นคำว่า “สรุปแล้วเจ้า AI มันเป็นมิตรหรือศัตรูกับเรากันเนี่ย???” จากคำถามนี้เองที่ทำให้ผมสงสัยจนถึงขั้นต้องตามอ่านข่าวและค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเจ้า AI อย่างจริงจังจนได้มาแชร์ให้ได้อ่านกันในเรื่องนี้ และพบว่าในปี 2017 บริษัทและโรงงานหลายแห่งทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทยอยเอาคนออกแล้วแทนที่พนักงานด้วย AI และหุ่นยนต์ เพราะเล็งเห็นถึงประโยชน์และความสามารถในการทำงานของพวกมัน ที่มีต้นทุนระยะยาวถูกกว่าการจ้างแรงงานมนุษย์ โดยเฉพาะในปี 2030 ที่มีการคาดการว่าจะมีการนำมันเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์มากถึง 800 ล้านตำแหน่งทั่วโลก โดยเฉพาะสายงานด้านการผลิตและประกอบชิ้นส่วน เครื่องจักรต่างๆในโรงงาน รวมทั้งสายงานด้านการบริการต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทประกันชีวิตฟูโกกุ มูทวล ไลฟ์ อินชัวรันส์ (Fukoku Mutual Life Insurance) ประเทศญี่ปุ่น ปลดพนักงาน 34 คนในแผนกและ ดัน AI Watson ของบริษัท IBM ให้ทำงานแทน ในฟากประเทศไทยบ้านเราเองก็ไม่น้อยหน้า กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ในเครือทีซีซี ผู้ผลิตเครื่องดื่มทั้ง Alcohol และ Non-alcohol เช่น สุรา เบียร์ เครื่องดื่มอัดลม น้ำดื่ม และชาเขียว รายใหญ่ของไทยเองก็ได้มีการประกาศยกระดับกระบวนการผลิตทั้งหมดของบริษัทเป็นแบบ Automation เพื่อใช้งาน AI และ หุ่นยนต์/เครื่องจักร แทนแรงงานคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือแม้กระทั้งกลุ่มธนาคารต่างๆเองที่ทยอยลดจำนวนสาขาลงและหันมาใช้ AI บน Aplication ในการให้บริการลูกค้าแทน

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงแล้วเราจะเอาตัวรอดจากวิกฤตินี้ได้ยังไงกัน?
คำถามนี้ผมว่าคำตอบของมันไม่ได้ยากเลยครับหากเราดูในจุดประสงค์ของการนำ AI มาใช้งานจริงๆ เราจะพบว่า ในเมื่อบริษัทตั้งใจนำ AI และ หุ่นยนต์มาใช้เพื่อลดระยะเวลา และเพิ่มกำลังในการผลิตสินค้าหรือการให้บริการ เมื่อมองในแง่ดี AI สามารถช่วยลดปัญหาความไม่เที่ยงตรงในการทำงานของมนุษย์ที่อาจเกิดจากสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ตลอดจนอคติต่างๆได้ และเจ้า AI เองยังมีความสามารถในการย่อยและวิเคราะห์ข้อมูลมากมายมหาศาลได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า ซึ่งถือเป็นการทุ่นแรง ทุ่นเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าการใช้แรงงานมนุษย์ได้อย่างมาก ดังนั้นในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจึงหันมานิยมใช้ AI ที่เป็นมันสมองของหุ่นยนต์หรือเครื่องจักร กันมากขึ้น การนำสิ่งนี้มาใช้ถือเป็นการช่วยยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรจากบริษัท โดยการแบ่งเบาภาระในส่วนของงานประจำ และช่วยให้บุคลากรสามารถทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ให้กับงานที่สำคัญกว่าและเพิ่มมูลค่ามากกว่า นั่นก็หมายความว่า บริษัทไม่ได้ต้องการเลิกจ้างพนักงานหากพนักงานสามารถยกระดับขีดความสามารถของตัวเองขึ้นไปได้ หากเริ่มรู้สึกกลัวว่าหุ่นยนต์จะมาแย่งงานนั่นก็หมายความว่างานของคุณมันง่ายเกินไปครับ
แต่ก็ยังมีตัวเลือกอื่นๆอีกนะครับ ยกตัวอย่างกลุ่มสายงานที่มีความซับซ้อนในการทำงานและไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนเช่น อาชีพซ่อมท่อประปา คนดูแลสวน และรับเลี้ยงเด็กยังคงปลอดภัยต่อการถูกแย่งงานมากกว่า หรือการพัฒนาทักษะด้านไอทีและดิจิทัลให้มากขึ้น หรือหันไปทำงานเชิงสร้างสรรค์แทนก็ยังสามารคเป้นทางเลือกในการทำงานให้กับเราเราได้ครับ

ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน AI ที่ฉลาดที่สุด (Google มี IQ 47.28) จะยังมี IQ ต่ำกว่าเด็กอายุ 6 ขวบ ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 55.5 แต่ก็กลับสามารถเอาชนะเซียนหมากล้อมระดับโลก 60 เกมรวด ซึ่งจะเห็นได้ว่า AI สามารถทำหน้าที่เฉพาะแบบได้อย่างดีเยี่ยม และมันก็คือเครื่องมือประเภทหนึ่ง ที่ไม่ต่างจากรถยนต์หรือเครื่องคิดเลขเลย และแน่นอนว่าเจ้าเครื่องคิดเลขก็ต้องคำนวณได้ถูกต้องและแม่นยำมากกว่ามนุษย์แน่นอน ส่วนรถยนต์ก็วิ่งได้เร็วกว่ามนุษย์ เพราะฉะนั้นแม้ว่าเครื่องมือจะฉลาดและทำงานได้ดีกว่ามนุษย์แค่ไหน แต่มันก็ยังทำได้เพียงหน้าที่แบบใดแบบหนึ่งตามเป้าหมายของมันเท่านั้นเอง แต่ในอนาคตอันใกล้ AI อาจจะมีการพัฒนาตัวเองขึ้นไป จากกระบวนการ Deep Learning หรือจนกระทั่งสามารถพัฒนาตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ ทำให้ความสามารถของ AI อัจฉริยะแบบก้าวกระโดดจนเราไม่สามรถคาดการณ์ได้ จนถึงตอนนั้นหากมนุษย์เรายังคงพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆเราก็จะสามารถรับมือจัดการกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นมาในภายภาคหน้าจากมันได้

Admin MEW

Source:
https://thestandard.co/aibrain/ 
https://www.matichon.co.th/publicize/news_814262 
https://www.ryt9.com/s/prg/2828782 
https://themomentum.co/human-vs-ai-intelligence/ 
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/641940 
https://themomentum.co/human-vs-ai-intelligence/ 
https://www.bananastore.com/what-is-ai/ 
http://www.bangkokbiznews.com/pr/detail/42985  
https://www.techopedia.com/definition/190/artificial-intelligence-ai 
https://futureoflife.org/background/benefits-risks-of-artificial-intelligence/ 
Etc.

Cr.DinoTech5.0

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"