"ESF ตัวป่วนบิดเบือนเพื่อทำให้ดอลล่าร์เป็นมาเฟียการเงินโลกต่อไป"

ESF หรือ Exchange Stabilization Fund เป็นองค์กรที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1934 เป็นเหมือนลูกของกฏหมาย Gold Reserve Act ที่ออกกฏหมายโดย ประธานาธิบดีรูสเวลท์ ในวันที่ 30 มกราคม ปีเดียวกัน, โดยกฏหมายนั่นคือ

"การปล้นทองคำจากประชาชนอเมริกา" มาให้เฟด ที่เป็นนายธนาคารเอกชนยักษ์ใหญ่" เพื่อเตรียมสร้างระบบ Gold Standard

... หลังจากปล้นทองคำจากคนในชาติแล้วนั้น ก็มีการเปลี่ยนราคาทองคำจาก 20.67 ดอลล่าร์ต่อออนซ์เป็น 35 , ทำให้นักลงทุนต่างชาติตาลุกวาว เกิดการเอาทองจากทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปที่กำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง แห่เอาทองลงเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคมาขายที่อเมริกามากมาย เป็น "มาตรการดูดทองจากทั่วโลก" และขณะเดียวกันก็เป็นการบีบให้ทั่วโลกเก็บเงินดอลล่าร์ไว้ในคลัง

... และการที่ราคาทองเปลี่ยนพวกเขาเอากำไรนี้มาตั้งกองทุน ESF เพื่อไปกำหนดราคาต่างๆและให้กู้ยืม ที่จะกระทบกับเสถียรภาพของดอลล่าร์ต่อไป

... เมื่อได้ทองคำมากมาตามเป้าหมาย ก็ตั้งกองทุน ESF ขึ้นมาเพื่อจะเป็นองค์กรกลางใน "การแทรกแซงการเงิน ราคาทองคำ และอัตราแลกเปลี่ยนเงิืนตราต่างประเทศ" เพื่อที่จะรักษาให้เงินดอลล่าร์ไม่แกว่ง มีเสถียรภาพ เพื่อปูทางให้เป็นสกุลเงินหลักของโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง

... โดยอเมริกาตั้ง ESF ขึ้นมาก็เลียนแบบอังกฤษ ที่ต้องการสร้างเงินปอนด์ให้แข็งมีเสถียรภาพและอำนาจในการครองโลกการเงินในการตั้ง Exchange Equalisation Account หรือ EEA,

... "ควบคุมการเงินโลกได้ ก็ครองโลกได้"

... ในปี 1944 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจบลงปีเดียว นาย Harry Dexter White ผู้ปกครอง ESF กับนาย John Maynard Keynes ก็จัดตั้งระบบ Brentton wood ขึ้นมาเพื่อกำหนดราคาทองคำกับดอลล่าร์ ทำให้ดอลล่าร์เป็นเงินเงินหลักของโลกในการปล่อยกู้เพื่อฟื้นฟูประเทศหลังสงครามและมีการร่างเพาะเชื้อการคลอดไอเอ็มเอฟด้วย

... หลังจากนั้นในวันที่ 27 ธันวาคม ปี 1945 ก็ตั้งองค์กรลูกคลอดกลุ่ม IMF เพื่อสร้างฝันขององค์กรพ่อ ESF ให้เป็นจริง , มีการปล่อยกู้ให้ประเทศบริวารเพื่อหวังสร้างอิทธิพลทางการเมืองและการเงินตามแนวคิดของพวกเขา และเพื่อสร้างให้เงินดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทุกประเทศสะสมเงินดอลล่าร์ มากขึ้นเรื่อยๆ

... 1973 อเมริกาบีบโอเปกที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย ให้ใช้ดอลล่าร์ในการซื้อขายน้ำมัน ทำให้ดอลล่าร์ยิ่งมีเสถียรภาพมากขึ้น มีการสะสมในทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของธนาคารกลางทั่วโลก

... เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000, มีข่าวการเปิดเผยหลักฐานว่า ESF ในสมัยรัฐบาล บิล คลินตัน ได้ใช้เงินจากกองทุนนี้ในการทำกิจกรรมที่กดราคาทองคำและหยุดกระแสการซื้อทองคำในตลาดล่วงหน้าให้ลดความร้อนแรงลง เอาไว้ให้ต่ำ เพื่อรักษาค่าที่แข็งของเงินดอลล่าร์ของตัวเอง และทำให้บริษัทและธนาคารในวอลล์สตรีทเพื่อนๆของคลินตัน ร่ำรวยจากค่าเงินดอลล่าร์ที่แข็งในตอนนั้นมากมาย ( Cronyism ) และเพื่อหวังผลสร้างอิทธิพลทางการเมืองด้วย ที่เป็นการผิดหลักการค้าเสรี การเงินเสรี ที่พวกเขาตั้งขึ้นมาสอนชาวโลก

... ในเดือนสิงหาคม ปี 2009 กองทุน ESF นี้เป็นเจ้าของทรัพย์สินเฉพาะในไอเอ็มเอฟ เป็นมูลค่า 58.1 พันล้านดอลล้าร์

... โดยภาพรวมนั้น ราคาทองคำ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย ความร้อนแรงของตลาดหุ้น ตลาดทุน ตลาดพันธบัตรในโลกใบนี้ ไม่ได้ไปเป็นไปตามกลไกการค้าขายเสรี การเงินเสรีตามที่พวกเขาพยายามสอนชาวโลกแต่อย่างใด อัตราทุกอย่าง ราคาทองคำ ปริมาณการซื้อขายล้วนถูกสั่งมาจากเบื้องบน เพื่อรักษาเงินดอลล่าร์ของพวกเขาให้เป็นมหาอำนาจทางการเงินโลกต่อไป

Cr.Jeerachart Jongsomchai

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"